ปปป.รวบอดีต ขรก.ซี 7 เรือนจำกลางนครสวรรค์ ปลอมแปลงเอกสารใบเสร็จฉ้อโกงเงินญาตินำฝากให้นักโทษ ทำต่อเนื่องกว่า 140 ครั้ง มูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท-พอรู้ตรวจสอบ ชิงหลบหนีไปทำงานเป็นพนักงานบริษัทสินเชื่อที่กำแพงเพชร เจ้าตัวรับสารภาพทำไปเพราะอยากได้เงินไปซื้อรถใหม่ ใช้หนี้ เอาไปเล่นพนันออนไลน์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 26 ธ.ค. พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) สั่งการ พ.ต.อ.ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ ผกก.4 บก.ปปป. นำกำลังจับกุม นางมทิรา มูลดี อายุ 45 ปี ตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ที่ จ. 116/2566 ลง 27 ต.ค.2566 ข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารแต่กลับปลอมแปลงเอกสาร เพื่อหวังผบเบียดบังทรัพย์นั้นไปเป็นของตนโดยทุจริต และ เป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร
เนื่องจากเมื่อปี 2556 ขณะที่ นางมทิรา ยังทำงานเป็นข้าราชการระดับ ซี7 เรือนจำกลางนครสวรรค์ คอยดูแลเรื่องบัญชีการเงินของผู้ต้องขัง แต่กลับอาศัยประสบการณ์ในการทำงานการเงินมากว่า 20 ปี จนรู้ช่องหว่างในการทุจริต ปลอมแปลงเอกสารใบเบิกเงิน ใบเสร็จ ฉ้อโกงเงินของนักโทษในเรือนจำที่ญาตินำมาฝากไว้ให้
ประกอบที่ผ่านมาแม้จะมีกลุ่มนักโทษ หรือ ผู้ต้องขัง บางรายทราบเรื่องว่าถูกโกงเงินฝาก แต่ก็ไม่กล้าร้องเรียน หรือ เรียกร้องให้ตรวจสอบ เพราะเกรงจะถูกกลั่นแกล้งในเรือนจำ จึงตกอยู่ในสภาวะจำยอมให้ถูกฉ้อโกงเงิน จึงทำให้ นางมทิรา เกิดย่ามใจก่อเหตุเรื่อยมารวมกว่า 140 ครั้ง คิดเป็นเงินมูลค่ารวมกว่า 3 ล้านบาท
จนกระทั่งเมื่อมีการตรวจสอบพบจึงชิงหลบหนีออกนอกพื้นที่จนถูกให้ออกจากราชการพร้อมกับดำเนินคดีตามกฎหมายจนกระทั่งมีการออกหมายจับ ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับทราบว่าปัจจุบัน นางมทิรา ได้หนีมาทำงานเป็นพนักงานบริษัทสินเชื่อหรือ บริษัทลิสซิ่งแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง จ.กำแพงเพชร จึงนำกำลังตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
สอบสวน นางมทิรา ให้การรับสารภาพว่าได้ฉ้อโกงเงินของผู้ต้องขังจริง โดยทำไปเพราะต้องการหาเงินออกรถใหม่ป้ายแดงและนำไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ใช้หนี้สิน เล่นพนันออนไลน์ เบื้องต้นจึงนำตัวส่ง ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 จ.พิษณุโลก ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.ศานุวงษ์ กล่าวถึงคดีดังกล่าวว่า ผู้ต้องหารู้อยู่แก่ใจดีว่ามีการติดตามตัวไปดำเนินคดีตามกฎหมาย จึงได้หลบหนีมาตลอด และบอกกับทางบ้านของตนเองว่า หากมีเอกสารหมายเรียก ไม่ต้องติดต่อมาหาตนเด็ดขาด เพื่อตัดช่องทางไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามได้ ทำให้รอดพ้นการจับกุมเรื่อยมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่มาพบเบาะแสสำคัญบางอย่างที่ทำให้รู้ว่าปัจจุบันผู้ต้องหารายนี้หลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.กำแพงเพชร จนนำมาซึ่งการตามจับกุมตัวได้ดังกล่าว
“เชื่อว่ายังมีกรณีดังกล่าวในหน่วยงานราชการอีกหลายแห่งที่อาจมีการดำเนินการในลักษณะนี้ แต่ยังตรวจสอบไม่พบ โดยหลังจากนี้ทาง บก.ปปป. จะเร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสืบสวนขยายผลจับกุมและยึดทรัพย์สินกลุ่มผู้กระทำผิดในลักษณะดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการต่อไป” ผกก.4 บก.ปปป. กล่าวทิ้งท้าย