สื่อเมียนมาแฉเผด็จการเมียนมาเรียกเก็บภาษีแรงงานต่างชาติ 2 เปอร์เซ็นต์ ขณะสถานทูตเมียนมาในไทยแจงชัดให้รายงานเมียนมาจ่ายภาษี 150 บาทต่อคน ผู้เชี่ยวชาญเผยเผด็จการทหารถูกกดกันหนัก ต้องหารายได้มาสนับสนุนค่าใช้จ่ายทางทหาร หวั่นมาตรการเก็บภาษีละเมิดสัญญากับต่างชาติรวมถึงไทย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวสถานการณ์ในประเทศเมียนมาที่เชื่อมโยงมาถึงประเทศไทยว่าสำนักข่าว BNI Online ได้รายงานข่าวว่าสภากองทัพเมียนมาที่กำลังถูกกดดันอย่างหนักในการจะหาเงินสกุลต่างประเทศ ได้มีการเพิ่มมาตรการการจัดเก็บภาษีของแรงงานเมียนมาที่ทำงานในต่างประเทศ โดยมาตรการนี้มีผลตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา
มีรายงานว่าสถานทูตเมียนมาในไทย,จีน,สิงคโปร์ และในเกาหลีได้ออกคำสั่งให้แรงงานเมียนมาจ่ายภาษีเงินได้ตามคำสั่งใหม่ของรัฐบาลทหาร
โดยวันที่ 22 พ.ย. กระทรวงการวางแผนและการคลังภายใต้รัฐบาลทหารประกาศว่าพลเมืองเมียนมาที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศจะต้องจ่ายภาษีเงินได้โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1ต.ค.
ต่อมาในวันที่ 13 ธ.ค. สถานเอกอัครราชทูตเมียนมาประจํากรุงเทพฯ ได้ออกประกาศเป็นครั้งที่ 2 โดยย้ำว่าแรงงานเมียนมาในประเทศไทยมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้สองเปอร์เซ็นต์ของค่าแรง
“มีความไม่พอใจในหมู่คนงานเกี่ยวกับมาตรการการจัดเก็บภาษีเงินได้ ที่ออกโดยสภาทหารซึ่งล้มเหลวในการปกป้องสิทธิของคนงาน” นายอู่ โม คยอ หัวหน้าสมาคมแรงงานยะอุงชีอูใน อ.แม่สอดกล่าว
อนึ่งองค์กรเคลื่อนไหวด้านแรงงานเมียนมาในประเทศไทยประเมินว่ามีแรงงานเมียนมากว่า 5 ล้านคน มีถิ่นที่อยู่และทํางานในประเทศไทยทั้งแบบถูกต้องตามกฎหมายและแบบที่ไม่มีเอกสารรับรอง
ตามคําแถลงของสถานเอกอัครราชทูตเมียนมาในไทย สภาทหารระบุว่ารายได้ต่อเดือนของแรงงานทั่วไปที่ทํางานในภาคส่วนต่างๆ เช่น โรงงาน การผลิต เกษตรกรรม การก่อสร้าง และอุตสาหกรรมบริการในประเทศไทยอยู่ที่ 7,500 บาทต่อคน ดังนั้นแรงงานในภาคส่วนนี้จะต้องจ่ายสองเปอร์เซ็นต์ของจํานวนนี้หรือคิดเป็น 150 บาทเป็นภาษีเงินได้
นอกจากนี้สภาทหารได้ประกาศว่าพลเมืองที่ทํางานในต่างประเทศจะต้องจ่ายเงินเดือน 25 เปอร์เซ็นต์ผ่านร้านรับแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเป็นทางการ
นายโก ฮเท็ต (Ko Htet) แรงงานเมียนมาที่มาทำงานในประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงบันทึกความเข้าใจหรือ MOU ให้ความเห็นว่าเราต้องจ่ายเงินสำหรับทั้งที่พัก อาหาร การเดินาง ดังนั้นการจัดเก็บภาษีที่สภาทหารได้ประกาศออกมานั้นจะทำให้ชีวิตของพวกเรายากขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งนี้การเก็บภาษีเงินได้จากพลเมืองเมียนมาที่ทํางานในต่างประเทศถือเป็นหลักปฏิบัติที่ยึดถือโดยระบอบเผด็จการทหารที่สืบทอดกันจนกระทั่งมายกเลิกในสมัยประธานาธิบดีอูเต็งเส่งในปี 2555
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและเศรษฐกิจที่ติดตามระบอบเผด็จการทหารยืนยันว่ารัฐบาลทหารกําลังพยายามรวบรวมภาษีเพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดหาเงินทุนสําหรับค่าใช้จ่ายทางทหารที่กว้างขวาง การเคลื่อนไหวนี้อาจละเมิดสนธิสัญญากับประเทศต่างๆ เช่น อินเดีย ลาว ไทย เกาหลีใต้ สิงคโปร์ เวียดนาม และสหรัฐอเมริกา ซึ่งออกแบบมาเพื่อป้องกันภาระภาษีแบบสองทางสําหรับคนงาน
โดยสนธิสัญญาระหว่างประเทศดังกล่าวมักจะยกเว้นชาวเมียนมาที่ทํางานในต่างประเทศเหล่านี้จากการจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลเมียนมา เพื่อให้นำเงินไปใช้จ่ายยังประเทศที่ทำงานอยู่แทน
อย่างไรก็ตามเงื่อนไขของสนธิสัญญามีความแตกต่างกันไปและบุคคลบางกลุ่มอาจยังคงต้องจ่ายภาษีโดยตรงกับรัฐบาลเมียนมา
ทั้งนี้หลังการรัฐประหาร พลเมืองเมียนมาจํานวนมากได้หางานทําในต่างประเทศทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมายในประเทศเพื่อนบ้าน
สภาทหารจึงได้เพิ่มมาตรการควบคุมโดยขู่ว่าจะเพิกถอนใบอนุญาต MOU สําหรับแรงงานเมียนมาในต่างประเทศที่ไม่สามารถโอนรายได้ผ่านช่องทางทางการหรือจ่ายภาษีเงินได้ตามที่กําหนด
เรียบเรียงจาก:https://www.bnionline.net/en/news/junta-targets-overseas-myanmar-workers-income-tax-collection