‘เศรษฐา’ ประชุมพัฒนา จ.กาญจนบุรี เผยจุดยืนไทยในสถานการณ์ความขัดแย้งเมียนมา ดำรงความเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด หวังเป็นตัวกลางทำสถานการณ์สงบดึงเม็ดเงินลงทุนมโหฬาร ย้ำมาตรการแก้หนี้นอกระบบ หวังทำชาวบ้านมีที่ดินทำกิน แนะท่องเที่ยวจัดอีเว้นท์ดึงนักท่องเที่ยวใช้เงินให้มากขึ้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 9 ธันวาคม 2566 ห้องประชุมบุษราคัม องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี
นายกรัฐมนตรีรับฟังแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี เรื่อง การแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของรัฐ การบริหารจัดการน้ำ การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่ชุมชนเมืองกาญจนบุรี การพัฒนาพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดกาญจนบุรี และการบริหารจัดการด้านการเกษตร
ภายหลังการรับฟัง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าจากที่ได้รับฟังการบรรยายสรุป ทำให้รู้สึกว่าทุกภาคส่วนที่ จ.กาญจนบุรี ทั้ง สส. อบจ. ผู้ว่าฯ รวมทั้งฝ่ายทหาร ความมั่นคง ทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถือเป็นแบบอย่างที่ดี และเพิ่งทราบว่าผู้ว่าฯ เกิดและเติบโตที่นี่ โดยเป็นทั้งปลัดจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด จนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่นี่ โดยหวังว่าผู้ว่าฯ จะทำงานที่นี่และเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของพี่น้องชาวกาญจนบุรีต่อไป ซึ่งผู้ว่าฯ ให้ความเป็นกลาง ทำงานร่วมกับ สส. และทุกคนได้เป็นอย่างดีมาก
ขณะที่ในส่วนของนายกฯ อบจ.กาญจนบุรี ส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีได้ยินชื่อเสียงมานานว่า เป็นหัวหอกใหญ่ในการทำเรื่องโรงพยาบาลด่านมะขามเตี้ย ซึ่งอยากให้จังหวัดอื่นนำ รพ.สต.ของจังหวัดกาญจนบุรีไปเป็นแม่แบบ ในการทำงาน อย่าไปคิดว่าเป็นพรรคไหน พวกเรามาทำเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทุกภาคส่วนทำงานอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เอาความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง
@ปลดล็อกหนี้นอกระบบ ให้ชาวบ้านมีที่ดินทำกิน
นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมการบรรยายสรุปของจังหวัดกาญจนบุรีที่มีความพร้อมทุกอย่าง โดยวันนี้ ไม่มีข้อเสนออะไร เพราะทางจังหวัดได้เสนอมาครบ โดยขอย้ำในบางเรื่อง เช่น การแก้ไขปัญหาการจัดสรรที่ดินที่มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2481 มีปัญหากันมานานมาก ซึ่งขอสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และจังหวัด ได้ไปพูดคุยกันให้จบ เพราะปัญหาหมักหมมมานานมาก เป็นหน้าที่ของรัฐบาลเมื่อมาถึงแล้วก็อยากให้ปัญหาจบที่รุ่นนี้ หากสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินได้ ก็เชื่อว่าจะแปลงสินทรัพย์เป็นทุนได้อย่างดีมาก ควบคู่ไปกับนโยบายหลักของรัฐบาลคือกำจัดหนี้นอกระบบให้หมดสิ้นไป ซึ่งการกำจัดหนี้นอกระบบให้หมดสิ้นไป จะไปกู้เงินก็ต้องมีสินทรัพย์ไปวาง สินทรัพย์ก็คือที่ดิน โดยขอให้ผู้ว่าฯ และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เห็นความเดือดร้อนของประชาชนได้ช่วยกันทำอย่างเต็มที่ โดยนายกรัฐมนตรีจะช่วยอยู่ข้างหลัง หากติดขัดอะไรจะพยายามช่วยให้จบภายในรุ่นนี้ ประชาชนจะได้มีสินทรัพย์นำไปเป็นทุนในการทำมาหากินได้
“ศักยภาพของจังหวัดกาญจนบุรี 35 ปีที่ผ่านมาก็มีมาก เป็นจังหวัด Top 5 ของประเทศได้อย่างสบาย ๆ การบริหารจัดการเรื่องน้ำ ในปัญหาน้ำท่วมมีไม่เท่าไรแต่มีปัญหาน้ำแล้ง โดยการพัฒนาระบบชลประทานต่าง ๆ ก็อยู่ในแผนงานที่ต้องดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งจะต้องแก้ปัญหาเรื่องน้ำแล้ง หากไม่แล้งก็เชื่อว่าผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตรและรายได้ต่อหัวจะขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพราะมีแหล่งน้ำอยู่มากตามเขื่อนต่าง ๆ ทั้งเขื่อนวชิราลงกรณ เขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า) ก็เข้าใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร มีนโยบายช่วยให้พี่น้องเกษตรกรมีรายได้เสริมมากขึ้น เช่น การปล่อยปลาตามแหล่งน้ำจำนวนกว่าล้านตัว เพื่อให้ตรงตามความต้องการของตลาด โดยรัฐบาลจะดูให้ครบทุกมิติ” นายเศรษฐากล่าวตอนหนึ่ง
@สถานการณ์ในเมียนมา ไทยเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ศักยภาพการค้าชายแดน-ศุลกากร ของกาญจนบุรี มีปัญหาความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้มีความเสียเปรียบกับหัวเมืองหลักในภาคอีสาน เช่น จังหวัดหนองคาย ที่ประเทศลาวมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย ไม่มีสงคราม สามารถส่งผ่านสินค้าไปถึงประเทศจีนได้ ดังนั้น การค้าด้านตะวันออกจึงบูมมาก แต่ไม่อยากให้พี่น้องกาญจนบุรีหมดหวัง เพราะเมื่อดูจากประชากรเมียนมาประเทศเพื่อนบ้านมีประมาณ 70 ล้านคนใกล้เคียงกับไทย แต่ประเทศเพื่อนบ้านเขามีปัญหาภายในอยู่ ซึ่งไทยเราชัดเจนจะวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทั้งที่สนับสนุนรัฐบาล หรือฝ่ายที่อยู่ตามหัวเมืองต่าง ๆ เรารักษาไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ และความมั่นคงที่ต้องมีส่วนร่วม
สาเหตุที่ต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน เมียนมาก็มี 70 ล้านคน ถ้าไทยเราสามารถวางตัวเป็นศูนย์กลางได้ เปิดให้เข้ามาเจรจาให้ทุกอย่างสงบสุขได้ ชายแดนไทยกับเมียนมามีระยะทางเกือบ 2,000 กม. หากฝั่งเมียนมามีปัญหา ประเทศไทยเราก็มีปัญหา ถ้าเมียนมาไม่มีปัญหา การค้าชายแดนจะบูมอย่างมโหฬาร ซึ่ง 70 ล้านคนของเมียนมา สินค้าอุดมไปด้วยทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นทางผ่านไปถึงอินเดียได้ และหากมองในระยะ 5 – 10 ปีข้างหน้า ถ้าประเทศเมียนมามีความสงบในประเทศโดยมีไทยเป็นตัวสำคัญในการนำความสงบมาให้ได้ ก็เชื่อว่าคนจะมองประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของประเทศที่มีประชากรประมาณ 100 กว่าล้านคน เพราะความเจริญของไทยเรามีมากกว่า
“เรามีท่าเรือ มีสนามบินที่มีศักยภาพสูงกว่า ตรงนี้จะสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการส่งออกสินค้าให้กับเขาได้ ดังนั้น ผมจึงมีความหวัง เพราะขณะนี้ฝ่ายต่างประเทศและฝ่ายความมั่นคงของไทยได้ทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อให้ฝ่ายเขามีความสงบสุข และประเทศไทยเป็นกลางในการช่วยเหลือให้พี่น้องของเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่นเดียวกับประชาชนไทย” นายเศรษฐากล่าวอีก
@จัดอีเว้นท์ เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยว
สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องจำนวนคนท่องเที่ยวเป็นเรื่องรอง โดยเรื่องใหญ่คือเรื่องค่าใช้จ่ายต่อหัวและระยะเวลาในการที่อยู่ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวกาญจนบุรี ส่วนใหญ่ไม่พักค้างคืน จึงขอให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และจังหวัดลงพื้นที่ให้มาก พบปะพูดคุยกับผู้บริหารจังหวัด สส. ผู้ว่าฯ โดยจังหวัดกาญจนบุรีมีศักยภาพทางประวัติศาสตร์และแม่น้ำแคว ขอให้จัดงาน Event ใหญ่ที่มีแสงสีเสียงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวมาก ๆ ซึ่งรัฐบาลถือว่านโยบายด้านการท่องเที่ยวเป็นนโยบายที่สำคัญที่สุดนโยบายหนึ่ง ส่วนเรื่องการทำให้กาญจนบุรีเป็นเมืองถ่ายทำภาพยนตร์ระดับโลก และปีหน้าอาจจะส่งเข้าประกวดกับยูเนสโกนั้น ขอให้ช่วยกันเตรียมตัวให้พร้อม รัฐบาลยินดีสนับสนุนอย่างเต็มที่
“ที่เรามาพูดคุยกันวันนี้ เป็นการพูดคุยกันอย่างตรงไปตรงมาและครบถ้วนทั้งหมด มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยกันอย่างเต็มที่ ดีใจที่ได้มาวันนี้ ได้พบปะกับพี่น้องทุก ๆ คน และดีใจที่มีข้าราชการที่มีคุณภาพมานำเสนอข้อมูลสำคัญ รัฐบาลน้อมรับและจะไปช่วยเหลือยกระดับจังหวัดกาญจนบุรีให้ไปถึงศักยภาพที่ควรจะเป็นไปได้” นายกรัฐมนตรีกล่าว
@เพิ่มศักยภาพเขต ศก.พิเศษเมืองกาญจน์
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงเรื่องเขตเศรษฐกิจพิเศษว่า จะต้องเป็นเขตพิเศษจริง ๆ เรื่องของมาตรการลดหย่อนทางด้านภาษี การสนับสนุนทางด้านต่าง ๆ เราก็อยากที่จะให้กับพื้นที่ที่มีศักยภาพ ซึ่งปัจจุบันทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า รัฐบาลได้เดินทางไปต่างประเทศหลายประเทศ ไปชักชวนนักลงทุนมาเปิดโรงงาน ส่วนมากเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ได้อานิสงส์ คือ อีสเทิร์นซีบอร์ด ฉะเชิงเทรา ระยอง และชลบุรี โดยปัจจุบันนี้พื้นที่ก็เริ่มจำกัดลง ทำให้ราคาที่ดินแถวนั้นมีราคาเพิ่งสูงขึ้น เพราะฉะนั้นนักลงทุนก็เริ่มที่จะลังเล แม้ว่าเราจะมีมาตรการที่ดี แม้ประเทศเราจะน่าลงทุนขนาดไหนก็ตามถ้าราคาที่ดินไม่คุ้ม นักลงทุนก็ไม่ดู รัฐบาลกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะมีเขตเศรษฐกิจพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาจากอีสเทิร์นซีบอร์ดหรือไม่ ซึ่งเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปที่จังหวัดสระแก้ว ซึ่งสระแก้วก็เป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ เพราะอยู่ใกล้กับท่าเรือน้ำลึก อยู่ใกล้กับอู่ตะเภา และไม่ไกลจากสุวรรณภูมิ รัฐบาลก็ให้ความสนใจ นอกจากนั้น สระแก้วเองก็มีความพร้อม มีการค้าชายแดนที่ปริมาณการค้าขายที่สูง ทั้งนี้จังหวัดกาญจนบุรีตนก็เชื่อว่ามีศักยภาพ แต่ต้องแก้ไขปัญหาไปก่อน เช่น ปัญหาเรื่องน้ำเป็นเรื่องใหญ่ เพราะว่าเรื่องของน้ำแล้งเป็นเรื่องใหญ่มาก โรงงานอุตสาหกรรมไฮเทคต่าง ๆ ที่จะมาที่นี่มีความต้องการของน้ำเป็นเรื่องระดับต้น ๆ เข้าใจว่าอยากให้เกิดขึ้นที่นี่ โดยขอเวลากลับไปเตรียมความพร้อมและดูในรายละเอียดอีกครั้ง
อ่านประกอบ
รายงานสื่อนอก:ประมวลสงครามเมียนมา เหตุใดประชาคมโลกควรช่วยเหลือ ก่อนกลายเป็นรัฐล้มเหลว