ศาลอาญาพิพากษาจำคุกแกนนำ กปปส. คดีก่อความวุ่นวาย-ขัดขวางการเลือกตั้ง สั่งปรับรวมกว่า 7 แสนบาท ตั๊น จิตภัสร์ เจอโทษจำคุก 9 เดือน ปรับ 4 หมื่น แต่ให้รอการลงโทษไว้ก่อน 2 ปี ขณะทนายจำเลยแจงก่อนหน้า พร้อมรับคำตัดสิน แต่ยืนยันชุมนุมโดยสงบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานอ้างอิงสื่อหลายสำนักว่าที่ศาลอาญา เช้าวันที่ 1 ธ.ค. 2566 ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดี กปปส.ร่วมกันกบฏ ก่อการร้าย หมายเลขดำอ.2732/2562 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายนัสเซอร์ ยีหมะ จำเลยที่ 1, นายอุทัย ยอดมณี จำเลยที่ 2, นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา จำเลยที่ 3, น.ส.จิตภัสร์ หรือตั๊น กฤดากร จำเลยที่ 4, นายพานสุวรรณ ณ แก้ว จำเลยที่ 5, นายประกอบกิจ อินทร์ทอง จำเลยที่ 6 และนายกิตติศักดิ์ ปรกติ จำเลยที่ 7 ในความผิดฐาน ร่วมกันมั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ หรือเรียกกันว่า คดีกบฏ กปปส.ชุดเล็ก
โดยศาล พิพากษาว่า พิจารณาพยานหลักฐานคู่ความทั้งสองที่เบิกความตรงกันเห็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยทั้ง 7 ในข้อหากบฏฯ ส่วนข้อหาเกี่ยวกับการชุมนุมข้อหาอื่นๆ อาทิ เช่น ทำให้เกิดความวุ่นวายและทรัพย์สินเสียหาย รวมถึงขัดขวางการเลือกตั้ง ศาลลงโทษจำคุกจำเลยแต่ละรายแตกต่างกัน โดยพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 (นายนัสเซอร์) เป็นเวลา 6 เดือน จำเลยที่ 4 (น.ส.จิตภัสร์) เป็นเวลา 9 เดือน ปรับ 40,000 บาท จำเลยที่ 2-3 (นายอุทัยและนายนิติธร)กระทำความผิดหลายข้อหา รวมจำคุก 5 ปี 9 เดือน ปรับ 200,000 บาท จำเลยที่ 5-6 (นายประกอบกิจและนายนิติศักดิ์) จำคุกรวม 4 ปี 9 เดือน ปรับ 180,000 บาท
ยกฟ้องจำเลยที่ 7 (นายกิตติศักดิ์) ส่วนจำเลยที่ 2-6 ไม่เคยจำคุกมาก่อน มีข้อมูลการกระทำความผิดของนักการเมือง ไม่ใช่การกระทำความผิดเพื่อตัวเอง มีเจตนารมณ์แสดงออกต่อสู้เพื่อหลักนิติรัฐ มีความกล้าหาญมอบตัวต่อสู้คดีไม่หลบหนี ให้รอการลงโทษคนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงไม่เข้าเกณฑ์รอการลงโทษให้ออกหมายขัง ล่าสุด จำเลยที่ 1 ศาลก็ตัดสินให้ รอลงอาญา ด้วย
สำนักข่าวอิศรารายงานว่าสำหรับคำฟ้อง อัยการฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 23 พ.ย. 2556-1พ.ค. 2557 จำเลยกับพวกซึ่งเป็นแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชน เพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. จำเลย ที่ศาลพิพากษาลงโทษได้ร่วมกันกับพวกจำเลยคดีนี้ มั่วสุม เป็นกบฏสมคบกันใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ต่อต้านการบริหารราชการแผ่นดิน และขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้พ้นจากตำแหน่ง ยุยง ปลุกระดม ให้ประชาชนกระด้างกระเดื่อง
โดยจำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับบรรยากาศก่อนหน้าการฟังคำพิพากษา ในวันนี้กลุ่มจำเลยทยอยเดินทางมาศาล และนายจตุพร พรหมพันธุ์ เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
ด้านนายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความในคดี กล่าวก่อนมีคำพิพากษาว่า คดีนี้เป็นกบฏ กปปส. ชุดกลาง จำเลย 7 คน โดยศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมฯ เช่นเดียวกับกรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำ กปปส.
นายสวัสดิ์กล่าว่อไปว่าแนวโน้มคำพิพากษาของศาลจะเป็นไปในลักษณะเช่นเดียวของนายสุเทพ ที่พิพากษาจำคุกหรือไม่ ตอบว่า ต้องยอมรับว่า การชุมนุมมีผู้รักชาติรักแผ่นดินมาเป็นร่วมจำนวนมาก ดังนั้นพฤติการณ์ก็จะแยกออกเป็นกลุ่ม และในแต่ละกลุ่มพฤติการณ์ก็จะต้องแยกออกเป็นรายบุคคลอีก ซึ่งมองว่า ตามหลักการทางอาญาแล้ว การจะพิจารณาแบบเหมารวมไม่สามารถทำได้
ส่วนแนวทางในการต่อสู้ทางคดีนั้น ขอยืนยันว่า เป็นการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ใช้ความรุนแรง รวมถึงลักษณะของการปราศรัย เช่น น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร ก็เป็นการแปลเนื้อหาข่าวสารให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้าใจ เพื่อไม่ให้เกิดความคาดเคลื่อนในการรายงานข่าว อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม และพร้อมน้อมรับคำตัดสินของศาล