เปิด ‘มติ ครม.’ 21 พ.ย. พบ ‘เศรษฐา’ สั่งการอย่างน้อย 6 เรื่อง เร่งรัด ‘ก.แรงงาน’ หาข้อยุติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำภายใน 3 สัปดาห์ ตามงาน ‘พล.ต.อ.พัชรวาท’ ช่วยเหลือ ‘คนยากจน-ผู้ด้อยโอกาสที่เร่ร่อน’ พร้อมสั่ง ‘ดีเอสไอ’ เร่งปราบปรามลักลอบนำเข้า ‘หมูเถื่อน’
........................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบข้อเสนอ ที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เสนอต่อ ครม. อย่างน้อย 6 เรื่อง เช่น เรื่องการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ การป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมาย และการแก้ไขอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการส่งออกข้าว เป็นต้น โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ
ในคราวประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 นายกรัฐมนตรี เสนอว่า ตามที่ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 31 ต.ค.2566 มอบหมายให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว นั้น
เพื่อให้การดำเนินการในเรื่องนี้ได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติโดยเร็ว จึงขอให้กระทรวงแรงงานเร่งรัดการดำเนินการตามมติดังกล่าวให้ถูกต้อง เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ระเบียบ และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องแล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน 3 สัปดาห์ ซึ่ง ครม. พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
2.การป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมาย
ด้วยในคราวประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 นายกรัฐมนตรี เสนอว่า เพื่อให้การดำเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผิดกฎหมายจากต่างประเทศ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรและชิ้นส่วนอื่นๆ ผิดกฎหมาย ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาสุกรในประเทศและทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ รวมทั้งอาจส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของผู้บริโภคได้เนื่องจากอาจมีโรคระบาดปนเปื้อนมากับเนื้อสุกรและชิ้นส่วนที่ลักลอบนำเข้ามาดังกล่าวได้
ดังนั้น จึงขอให้กระทรวงยุติธรรม (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบคัดกรอง และควบคุมการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ในทุกช่องทางอย่างเข้มงวดและเคร่งครัด รวมทั้งให้เร่งรัด การสืบสวน สอบสวน
และจับกุมผู้กระทำผิดในเรื่องนี้ในทุกขั้นตอนให้ครบถ้วนทุกราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้กระทำผิดรายใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและเด็ดขาดต่อไปด้วย ซึ่ง ครม. พิจารณาแล้ว ลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
3.การดำเนินการแก้ไขอุปสรรคที่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและส่งออกข้าว
ด้วยในคราวประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 นายกรัฐมนตรี เสนอว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการส่งออกข้าว ได้ทราบว่ามีปัญหาและอุปสรรคหลายประการที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการผลิตและส่งออกข้าวของประเทศ เช่น ปัญหาคุณภาพของพันธุ์ข้าว ผลผลิตต่อไร่ ระยะเวลาในการพิจารณาออกใบรับรองมาตรฐานคุณภาพข้าวประเภทต่างๆ
ดังนั้น จึงขอมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจที่เกี่ยวข้องของแต่ละหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาและอุปสรรคดังกล่าวข้างต้นโดยเร็วต่อไป ซึ่ง ครม.พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
4.การปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขั้นตอนการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับนักท่องเที่ยว
ด้วยในคราวประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 นายกรัฐมนตรี เสนอว่า เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังประเทศไทย อันจะส่งผลดีต่อภาพลักษณ์และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง ร่วมกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินการขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT Refund) ของนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางออกจากประเทศไทยให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่ง ครม. พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
5.การติดตามและเร่งรัดการให้ความช่วยเหลือดูแลคนยากจนและผู้ด้อยโอกาสเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ในคราวประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 นายกรัฐมนตรี เสนอว่า ตามที่ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 3 ต.ค.2566 มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) ประสานและหารือกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งซาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือดูแลคนยากจน ผู้ด้อยโอกาสที่เร่ร่อน เป็นบุคคลจรจัดที่ไม่มีที่พักอาศัยเป็นหลักแหล่ง รวมตลอดถึงผู้ที่เคยเสพยาเสพติด และผู้ที่ไม่สมประกอบที่พักพิงอยู่ทั่วไปในพื้นที่ต่างๆ เพื่อให้บุคคลเหล่านี้ ได้รับปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมและพอเพียง
รวมทั้งสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น โดยให้พิจารณาจัดฝึกอาชีพและจัดหางานให้ทำตามความรู้ความสามารถหรือความถนัดที่มีตามที่เจ้าตัวสมัครใจ เพื่อให้สามารถสร้างรายได้มาเลี้ยงตนเองได้ นั้น
เนื่องจากการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวจะมีส่วนช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญประการหนึ่งของรัฐบาล จึงขอให้รองนายกรัฐมนตรี (พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ) เร่งประสานและเร่งรัดการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวข้างต้น และรายงานผลการดำเนินงานในภาพรวมให้นายกรัฐมนตรีทราบต่อไปด้วย ซึ่ง ครม.พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอ
6.การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกทางการค้าโดยใช้ระบu National Single Window
ด้วยในคราวประชุม ครม. เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2566 นายกรัฐมนตรี เสนอว่า เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของไทยให้ขยายตัวและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน สมควรที่จะต้องปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐให้มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ (Ease of Doing Business)
รวมถึงอำนวยความสะดวกทางการค้าให้เพิ่มมากขึ้นผ่านการใช้ระบU National Single Window ซึ่งภาครัฐได้มีการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการทางปฏิบัติหลายประการ
จึงขอมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมศุลกากร) เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการปรับปรุงพัฒนาระบบ National Single Window รวมทั้งปรับปรุงกฎระเบียบ ขั้นตอนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สามารถให้บริการผ่านระบบ National Single Window ได้อย่างเต็มศักยภาพและเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียว (One Stop Service)
ทั้งนี้ ให้นำกรณีการส่งออกสินค้าผ่านแดน ณ ด่านศุลกากรหนองคาย เป็นโครงการนำร่องเพื่อดำเนินการให้บรรลุผลตามแนวทางข้างต้นโดยเร็วก่อนเป็นลำดับแรก แล้วจึงให้ขยายผลการดำเนินการไปยังด่านศุลกากรแห่งอื่นๆ ต่อไป ซึ่ง ครม. พิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่ นายกรัฐมนตรีเสนอ