ป.ป.ช.รวบตัวอดีตนายกเทศฯ ท่ามะเดื่อ หมายจับศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 9 เผยพฤติการณ์กลั่นแกล้งเอกชนร่วมประมูลโครงการบริหารมูลฝอย 4.1 ล. อ้างไม่มีหนังสือมอบอำนาจ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 23 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ออกเอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ระบุว่า
เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2566 ภายใต้การอำนวยการของนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.และนายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ มอบหมายให้กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 ดำเนินการสืบสวนติดตามผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้แก่นายสัญญา วิสูตร ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิด “ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12”
พฤติการณ์แห่งคดีกล่าวคือ ขณะเกิดเหตุ ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2553 นายสัญญา วิสูตร ดำรงตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีตำบลท่ามะเดื่อ อำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง ได้ร่วมกับพวกอีก 2 คน กลั่นแกล้งตัดสิทธิบริษัท ทีมเทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ที่ยื่นเอกสารประมูลจ้างโครงการบริหารจัดการมูลฝอยแบบบูรณาการตามโครงการเงินอุดหนุนทั่วไปภายใต้แผนปฏิบัติการไทยเข้มแข็งของเทศบาลตำบลท่ามะเดื่อ จำนวน 4,137,802 บาท
โดยอ้างว่าไม่มีหนังสือมอบอำนาจให้พนักงานบริษัทมาซื้อซองเอกสารประมูล ทั้งที่บริษัท ทีมเทค แอนด์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด มีหนังสือมอบอำนาจครบถ้วน
การกระทำของนายสัญญา วิสูตร มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใดๆโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12
จากการสืบสวนทราบว่าผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่บ้านเลขที่ 51/54-56 หมู่ที่ 7 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่จึงได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณดังกล่าว จนกระทั่งเวลา 23.20 น. พบผู้ถูกกล่าวหาตามหมายจับเดินออกมาจากบ้าน จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่และแสดงหมายจับ แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบและเข้าใจดีแล้ว ควบคุมตัวมายังสถานีตำรวจภูธรพลูตาหลวง เพื่อทำบันทึกการจับกุมและดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้สูญหาย พ.ศ.2565 จากนั้นส่งตัวผู้ต้องหาไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป