‘เศรษฐา’ วอนคนไทยที่อิสราเอล เร่งแจ้งความประสงค์ที่จะเดินทางกลับโดยเร็ว ชี้รัฐบาลมีหน้าที่จัดหาเที่ยวบินกลับให้อยู่แล้ว แต่หากคนประสงค์กลับน้อย อาจทำการเช่าเหมาลำไม่ได้และต้องซื้อตั๋วเอง แต่รัฐบาลพร้อมอุดหนุนค่าเดินทางให้ ด้านโฆษกรัฐบาลเผยข้อความจากสถานทูตไทยในกรุงเทลอาวีฟ ให้แรงงานที่ประสงค์ไทยกลับรวมตัวที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เทลอาวีฟ ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17.00 น. นี้ ก่อนระบุถึงมาตรการช่วยเหลือแรงงานทั้งเบิกค่าเดินทางและสินเชื่อคืนถิ่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีการเรียกฝ่ายความมั่นคงทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มาพูดคุยเรื่อง ยาเสพติด และยังได้พูดคุยกับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรื่องของปัญหาหนี้สินในครัวเรือนที่สูงในต่างจังหวัดซึ่งต้องอาศัยฝ่ายความมั่นคงเข้ามาช่วยเหลือ ดูแล เพราะเป็นหนี้นอกระบบซึ่งผู้ที่ปล่อยหนี้นั้นอาจจะทำไม่ถูกกฎหมาย เก็บดอกเบี้ยที่แพง ทำให้ประชาชนที่กู้มานั้นจ่ายเงินเกินเงินต้นที่กู้มา ปัญหาตรงนี้ต้องมีการพูดคุยกันและต้องนำฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง รวมไปถึงนายอำเภอเข้ามากำกับดูแลในเรื่องนี้ นอกจากนั้นยังได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการลงทุนของบริษัท Microsoft เพื่อเตรียมการที่จะไปพูดคุยต่อที่การประชุมเอเปค ที่จะถึงนี้
@รบ.มีหน้าที่จัดเที่ยวบินเอาแรงงานกลับ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับเรื่องเที่ยวบินนำแรงงานกลับไทยนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาล หากประชาชนแสดงเจตจำนง ความประสงค์ที่จะเดินทางกลับประเทศไทย รัฐบาลต้องจัดการเรื่องเที่ยวบินให้เหมาะสม โดยขณะนี้สถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนแปลงพร้อมกันนี้ช่วงบ่ายจะมีการพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอลผ่านโทรศัพท์ จะมีการยกระดับการเจรจาขึ้นในเรื่องของผลประโยชน์ การจ่ายเงินชดเชย นายจ้างไม่ให้ความเป็นธรรม และต้องอำนวยความสะดวกให้กับคนไทยที่จะเดินทางกลับ พร้อมทั้งวอนให้แรงงานไทยในอิสราเอลเดินทางกลับประเทศไทย เพราะตอนนี้รัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ ตามที่รัฐบาลเคยให้คำมั่นว่าจะนำแรงงานไทยกลับมาทั้งหมด แต่คนที่แสดงเจตจำนง ความประสงค์ที่จะกลับมาก็ยังมีน้อยอยู่ ส่วนเรื่องของตัวประกัน เรายังมีการเจรจาอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่อยากให้คาดหวังเกินไป ขอให้ติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
@วอนให้แจ้งกลับไทยเยอะๆ
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรียังได้ตอบคำถามสื่อมวลชนว่า สำหรับเที่ยวบินที่จะนำคนไทยกลับนั้นก็ยังอยากให้เป็นลักษณะการเหมาลำอยู่ เพราะสะดวก รวดเร็วและมีความปลอดภัย แต่ต้องดูจำนวนคนไทยที่จะกลับ หากมีจำนวนน้อยก็อาจให้ซื้อตั๋วเองและรัฐบาลจะจัดการให้ ทั้งนี้อยากขอร้องให้แสดงเจตจำนง ความประสงค์ที่จะเดินกลับมาเข้ามาเยอะ ๆ เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ส่วนเรื่องการพิจารณาแต่งตั้งตำแหน่งเลขานุการในการประชุมความมั่นคงแห่งชาติขณะนี้เป็นไปตามขั้นตอนและหวังว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้าได้
@แจ้งแรงงานไทยกลับรวมตัว 17.00 น.
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้ส่งข้อความซึ่งระบุให้แรงงานไทยในอิสราเอลที่ประสงค์เดินทางกลับประเทศไทย ด้วยเที่ยวบินอพยพ ให้เดินทางมาที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เทลอาวีฟ ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงเทลอาวีฟ ซึ่งช้ากว่าไทย 5 ชั่วโมง) โดยต่อจากนี้ การอพยพคนไทยอาจไม่ใช้เที่ยวบินเช่าเหมาลำ ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้อพยพ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ โพสต์ข้อความระบุถึงแรงงานไทยในอิสราเอลที่ประสงค์เดินทางกลับกับเที่ยวบินอพยพให้เดินทางมาที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล เทลอาวีฟ ภายในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17.00 น. โดย กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่า เที่ยวบินอพยพคนไทยหลังจากนี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่อาจไม่ใช่การเช่าเหมาลำ ซึ่งต้องพิจารณาจากจำนวนคนอพยพ หากมีน้อยก็ไม่สามารถอพยพแบบเหมาลำได้ ส่วนแรงงานไทย ที่พร้อมจะเดินทางกลับเอง ยังสามารถเบิกจ่ายค่าเครื่องบิน ตามนโยบายรัฐบาล
พร้อมกันนี้ โฆษกรัฐบาลชี้แจงข้อมูลจากกระทรวงแรงงานถึงสิทธิประโยชน์ตามมาตรการเยียวยา สำหรับคนที่เดินทางกลับมาจากอิสราเอล โดยจะมีรถโดยสารไปส่งยังสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อให้กลุ่มคนไทยสะดวกต่อการเดินทางกลับภูมิลำเนา อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มคนที่ซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินเดินทางกลับมาเองจะได้รับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการเยียวยาเช่นกัน
@ขอเบิกค่าเดินทางกลับไทยได้
ซึ่งกระทรวงแรงงานได้เปิดให้แรงงานไทยที่เดินทางกลับจากอิสราเอล ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 สามารถยื่นคำร้องขอรับเงินค่าใช้จ่ายในการเดินทางกลับประเทศไทยจากเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล โดยเอกสารและหลักฐานการยื่นขอรับค่าใช้จ่าย ต้องเป็นเอกสารค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2566 เป็นต้นไป
ส่วนกลางสามารถยื่นได้ที่ ศูนย์ช่วยเหลือแรงงาน และติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล บริเวณชั้น 1 อาคารกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพ และส่วนภูมิภาค สามารถยื่นได้ที่ สำนักงานแรงงานจังหวัด ทุกจังหวัดทั่วประเทศ
เอกสารประกอบด้วย
1. บอร์ดดิ้งพาส หรือ ตั๋วเครื่องบิน/ใบเสร็จรับเงิน หรือ เอกสารการจ่ายเงิน
2. สำเนาบัตรประชาชน
3. สำเนาหนังสือเดินทาง/เอกสารเดินทาง
4. สำเนาสมุดบัญชีธนาคารผู้รับบริการ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึง มติครม. (31 ตุลาคม 2566) เห็นชอบโครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย (อิสราเอล) และอนุมัติวงเงินงบฯ วงเงินรวม 1,200 ล้านบาท จากงบฯ ร่ายจ่ายประจำปี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แรงงานไทยที่เดินทางกลับไทยมีสภาพคล่องที่เพียงพอในการเริ่มต้นประกอบอาชีพ หรือแบ่งเบาภาระหนี้สิน
โครงการสินเชื่อคืนถิ่นแรงงานไทย (อิสราเอล)
-วัตถุประสงค์เพื่อชำระหนี้กู้ยืมสำหรับการไปทำงานที่อิสราเอลและ/หรือเพื่อลงทุนประกอบอาชีพ (ข้อมูลจาก กรมการจัดหางาน ณ เดือน ก.ย. 2566 มีแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอล 25,887 คน)
-เป็นผู้ที่ไปทำงานที่อิสราเอล อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และเมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาที่ชำระเงินกู้แล้วต้องไม่เกิน 60 ปี (ประมาณ 12,000 ราย)
-ธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส. สนับสนุนสินเชื่อวงเงินรวม 2,000 ล้านบาท / สินเชื่อต่อรายไม่เกิน 150,000 บาท ลูกค้ารับภาระดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยร้อยละ 2 ต่อปี / ระยะเวลาชำระเงินคืนงวดสูงสุดไม่เกิน 20 ปี ปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุด 12 งวดแรก
-ระยะเวลาการยื่นขอสินเชื่อ ตั้งแต่วันที่ ครม. มีมติ (31 ต.ค. 2566) – 30 มิ.ย. 2567 หรือจนกว่าจะครบวงเงินโครงการฯ
-งบประมาณ รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น
(1) ชดเชยความเสียหายที่เกิดจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ร้อยละ 100 สำหรับ NPLs ไม่เกินร้อยละ 20 ของวงเงินสินเชื่อที่อนุมัติทั้งหมด รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 400 ล้านบาท (2,000 ล้านบาท X ร้อยละ 20 x ร้อยละ 100) โดยแบ่งเป็น ธ.ออมสิน 200 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. 200 ล้านบาท
(2) ชดเชยอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2 ของวงเงินสินเชื่ออนุมัติเป็นระยะเวลา 20 ปี รวมทั้งสิ้น 800 ลบ. (2,000 ล้านบาท X ร้อยละ 2 x 20 ปี) โดยแบ่งเป็น ธ.ออมสิน 400 ล้านบาท และ ธ.ก.ส. 400 ล้านบาท
“นายกรัฐมนตรีเข้าใจสถานการณ์ของแรงงานคนไทยทุกคน มีความห่วงใยเป็นอย่างมาก และประสงค์ให้แรงงานไทยในอิสราเอลพิจารณาให้ถี่ถ้วน จึงได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีแนวทางในการทำงานออกมาตรการช่วยเหลือแรงงานไทย ซึ่งอีกประเด็นที่นายกรัฐมนตรีห่วงใยคือ ต้องเร่งหางานให้ผู้ที่เดินทางกลับไทยมาแล้วมีงานทำ ในสายงานที่ตนเองถนัดและพัฒนาเป็นประโยชน์ได้” นายชัย กล่าว