‘เศรษฐา’ หารือทูตอิสราเอล ขอความช่วยเหลืออพยพคนไทยที่มีความประสงค์กลับประเทศ 6,000 คน เผยภารกิจเร่งด่วนตอนนี้คือการเร่งช่วยตัวประกันคนไทย 16 คนที่ถูกจับไป พร้อมระบุเชิญสายการบินถกแผนเข้าประเทศขนคนไทยกลับ เล็งคุยอียิปต์-อาหรับ-ซาอุฯ ขอเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับให้คนไทยพักชั่วคราว ก่อนเผยอีกว่า คนไทยที่ซื้อตั๋วกลับเอง รัฐบาลพร้อมอุดหนุนค่าใช้จ่ายเต็มจำนวน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 08.45 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางออร์นา ซากิฟ (H.E. Mrs. Orna Sagiv) เอกอัครราชทูตรัฐอิสราเอลประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นด้วยความกังวล หวังว่าสถานการณ์กลับเป็นปกติในเร็ววัน และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน ไทยขอคัดค้านความรุนแรงที่เกิดขึ้นในทุกรูปแบบโดยทุกฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ รวมถึงคนไทย
ด้านเอกอัครราชทูตอิสราเอลฯ กล่าวว่ารัฐบาลอิสราเอลเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความสูญเสียเกิดแก่ผู้บริสุทธิ์ โดยพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนไทย และผู้บริสุทธิ์ทุกคน พร้อมจะดูแลทุกคนที่อยู่ในประเทศอิสราเอลเหมือนเป็นพลเมืองของตนเอง แต่ขอให้เข้าใจว่า อิสราเอลเผชิญกับสงครามรูปแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน อย่างไรก็ดี ยินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ ร่วมมือกับรัฐบาลไทย ท่ามกลางสถานการณ์และความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้อย่างดีที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้อพยพคนที่อยู่ในพื้นที่อันตรายออกมา 4 กิโลเมตรจากพื้นที่อันตราย
“รัฐบาลไทยให้ความสําคัญสูงสุดในสวัสดิภาพและความปลอดภัยของคนไทยในอิสราเอล ซึ่งมีประมาณ 30,000 คน โดยผมได้หารือกับเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตาม ประเมินสถานการณ์และจัดแผนให้การช่วยเหลือคนไทย ขอบคุณฝ่ายอิสราเอลที่ให้การสนับสนุนคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรง และขอรับการสนับสนุนความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของคนไทยทุกคน” นายเศรษฐากล่าวและว่า
นายกรัฐมนตรีเปิดเผยอีกว่า ตอนนี้มีคนไทย 16 คน ถูกลักพาตัว ซึ่งรัฐบาลห่วงกังวลต่อความปลอดภัยของคนไทยเหล่านี้ ขอให้รัฐบาลอิสราเอลให้ความช่วยเหลือเพื่อให้คนไทยทั้ง 16 คน ได้รับการปล่อยตัว รวมทั้งขอความสนับสนุนภารกิจการพาคนไทย ซึ่งลงทะเบียนเกือบ 6 พันคน ต้องการกลับบ้าน โดยเอกอัครราชทูตฯ ขอให้เชื่อว่าจะร่วมมือทุกทาง ให้ความช่วยเหลือทุกทางที่ทำได้ เพื่อช่วยคนไทย และในโอกาสนี้ นายเศรษฐาได้ขอให้นายจ้างชาวอิสราเอลดูแลลูกจ้างชาวไทยทุกคนอย่างดีด้วย
@เชิญสายการบินคุยแผนอพยพ
นายเศรษฐา กล่าวต่อไปว่า วันนี้ (13ต.ค.66) คณะทำงานฯจะเชิญตัวเเทนสายการบินเอกชนต่างๆ มาพูดคุยที่กระทรวงการต่างประเทศ หวังว่าจะมีความคืบหน้าออกมา เพราะมีขั้นตอนหลายอย่างในการบินข้ามประเทศ และน่านฟ้า เที่ยวบินพิเศษต่างๆ ที่จะบินผ่านเข้าไป จะต้องขออนุญาตก่อน ไม่ว่าน่านฟ้าประเทศไหน ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศพยายามอย่างเต็มที่ กระทรวงสาธารณสุขเองก็เตรียมที่พร้อมที่จะรับผู้ป่วยกลับมา กระทรวงแรงงานก็ช่วยประสานงานอย่างเต็มที่ ทำงานกันโดยตลอดไม่ได้หยุด ทั้งนี้ในเรื่องการขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้า ของแต่ละไฟลท์ กำลังพยายามเจรจาในการลดขั้นตอนเพื่อเป็นการประหยัดเวลา เพราะถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่ปกติ เกิดภาวะสงคราม ก็หวังว่านานาชาติจะช่วยอำนวยสะดวกให้เรา เพราะปัจจุบันเครื่องบินที่จะไปนำคนไทยกลับมายังไม่เพียงพอกับความต้องการ และเห็นใจครอบครัวที่อยู่ในประเทศไทย ใจเขาใจเรา
เมื่อถามถึงข้อกังวลเกี่ยวกับเอกสารของคนไทยที่จะนำกลับ จะมีการลดขั้นตอนอย่างไรให้เกิดความรวดเร็ว นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งความสำคัญสูงสุดของเราคือต้องพาคนไทยออกมาให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่าภาวะสงครามนี้จะยึดเยื้อนานขนาดไหน จึงสั่งการท่านทูตไปว่าเรื่องเอกสารเป็นเรื่องรอง
@คุยอียิปต์-อาหรับ-ซาอุฯ อพยพคนไทยไปไว้ชั่วคราว
เมื่อถามว่า ความคืบหน้าการนำคนไทยไปพักไว้ในประเทศที่สาม นายเศรษฐา กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศกำลังคุยอยู่ซึ่งน่าจะมีประเทศอียิปต์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเมืองจิดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ก็พยายามคุยกันอยู่ ถ้าหากเข้าไม่ได้ก็จะพักคอยไว้ แล้วหากมีสายการบิน สามารถบินเข้าออกได้ก็ให้รับมาเพื่อให้เกิดความรวดเร็ว
“ยืนยันว่าจะทำทุกวิถีทางที่สามารถทำได้ ซึ่งจากการพบกับทูตอิสราเอลเมื่อสักครู่ ผมมีความสบายใจขึ้นมานิดนึง เพราะท่านทูตยืนยันว่าไม่ต้องห่วงตอนนี้พร้อมหมด ใครจะมาถ้ามีเครื่องบินพอก็สามารถออกมาได้หมด ซึ่งสามารถขนย้ายคนมาอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว และในพื้นที่สู้รบ (red zone) 0 – 4 กิโลเมตร ซึ่งในฉนวนกาซา 99 % ของคนไทยหรือชาวต่างชาติที่เป็นผู้บริสุทธ์ได้ถูกอพยพออกจากพื้นที่สู้รบแล้ว ตอนนี้ต้องไปดูว่าพื้นที่โซน 4-9 กิโลเมตร จะทำอย่างไรต่อไปก็จะพยายามเต็มที่
@คนไทยที่กลับมาเอง พร้อมจ่ายค่าเครื่องบินให้เต็มจำนวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการสนับสนุนค่าเดินทางสำหรับผู้ที่ประสงค์จะเดินทางออกมาเองหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตรงนี้รัฐบาลรับผิดชอบให้ได้แน่นอน ไม่ใช่ส่วนหนึ่งแต่เป็นทั้งหมด ซึ่งเป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบตรงนี้
ส่วนกรณีของสายสัญญาณโทรศัพท์ที่มีการร้องเรียนจากผู้ใช้แรงงานว่าโทรศัพท์ไม่ติด นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้รับรายงานมา คาดว่าเป็นเรื่องของคู่สายที่มีการใช้กันเป็นจำนวนมาก มีคนพูดคุยกันมากก็ต้องรอต่อไป
เมื่อถามว่า จะมีโอกาสไปรับคนไทยที่กลับจากอิสราเอลหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ต้องดูเวลาอีกที เพราะวันจันทร์ที่ 16 ต.ค.2566 มีภารกิจต้องเดินทางไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน และซาอุดีอาระเบีย วันนี้มีหลายอย่างที่อยากทำ มีคนเจ็บก็อยากไปเยี่ยม และจะพยายามดูจังหวะเวลาว่าง อย่างวันที่ 14 ต.ค. ก็ต้องลงพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ถ้ามีอะไรคือหน้าจะเชิญมาแถลงข่าวอีกครั้ง เพราะสื่อมวลชนก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ญาติที่น้องที่อยู่ประเทศไทยสบายใจ ตนตระหนักดีถึงใจเขาใจเรา มีคนเดือดร้อน และมีคนไม่สบายใจเยอะในเรื่องนี้.