หนังสืออำลาตำแหน่งผู้ว่าฯ ตรังว่อนจังหวัด หลังข่าวสะพัดถูกปลัดมหาดไทย อนุมัติออกราชการ เซ่นคดีจัดซื้อเครื่องจีที 200 ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 9 พิพากษาลงโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ช่วงดำรงตำแหน่งหน.กลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.ยะลา เป็นจำเลยที่ 2 - เจ้าตัวยัน 40 ปี ในชีวิตราชการไม่ด่างพร้อย ขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลปกครอง แม้จะไม่ได้กลับเข้ารับราชการแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 ต.ค.2566 หน่วยงานราชการในจังหวัดตรัง ได้มีการส่งแชร์ต่อ หนังสือจำนวน 2 แผ่น ลงวันที่ 4 ต.ค.66 หัวเรื่องว่า “คำกล่าวอำลาจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง” เข้าไปยังกลุ่มไลน์หัวหน้าส่วนจังหวัดตรัง กลุ่มไลน์หน่วยงานราชการ โดยมีลายเซ็นของผู้ว่าราชการเซ็นกำกับอยู่ ขณะที่มีการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ศาลากลาง จ.ตรัง ว่า ในหนังสือดังกล่าวเป็นข้อความจาก นายจรศักดิ์ เจริญโสภา จริง
หลังจากก่อนหน้านี้ มีข่าวแพร่สะพัดในจังหวัดตรังว่า ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้มีคำสั่งลงนามให้ นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ออกจากราชการ ตามมาตรา 98 หลังถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ชี้มูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ในคดีการจัดซื้อเครื่องจีที 200
นอกจากนี้ยังเกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดในแวดวงข้าราชการจังหวัดตรัง ว่านายขจรศักดิ์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการโดยไม่ระบุเหตุผล เมื่อผู้สื่อข่าวพิเศษสำนักข่าวอิศราประจำจังหวัดตรัง ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดตรัง และพยายามขอสัมภาษณ์นายในช่วงเย็นก่อนเลิกงาน โดยเมื่อเดินลงจากศาลากลางนายขจรศักดิ์มีสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวยื่นใบลาออก
โดยโบกมือปฏิเสธพร้อมกล่าวสั้นๆว่า “ยังไม่มีนะ ยังไม่ได้ยื่น” จากนั้นก็รีบขึ้นรถออกไปทันที
ขณะที่ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ 2 พ.ค.66 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ได้มีคําพิพากษาในคดี หมายเลขดำที่ อท 29/2565 คดีหมายเลขแดงที่ 33/2566 ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ในคดีจัดซื้อจัดจ้างเครื่องตรวจวัตถุระเบิดและสารเสพติด หรือ จีที 200 ของสำนักงาน จ.ยะลา ซึ่งมีจำเลยทั้งหมด 12 ราย หลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด โดยมีชื่อนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ขณะนั่งดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.ยะลา ตกเป็นจำเลยที่ 2 ศาลฯ มีคำพิพากษาจำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา
สำหรับเนื้อหาในหนังสือ “คำกล่าวอำลาจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง” ของ นายจรศักดิ์ เจริญโสภา ระบุว่า
"พี่น้องชาว จ.ตรัง และท่านหัวหน้าส่วนราชการ จ.ตรัง คงแปลกใจที่ ผม นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ได้เขียนคำอำลาจากตำแหน่งผู้ว่าราชการ จ.ตรัง ทั้ง ๆ ที่ผมยังมีอายุราชการอยู่อีก 1 ปี ผมขอเรียนว่า ในช่วงทำงานอยู่ที่ จ.ยะลา ในตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด สำนักงาน จ.ยะลา เมื่อปี พ.ศ.2551 ผู้ว่าราชการ จ.ยะลา ได้แต่งตั้งให้ผมเป็นประธานกรรมการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด อัลฟา 6 จำนวน 2 ชุด เพื่อมอบให้หน่วยงานความมั่นคง จ.ยะลา ไปใช้ในการปฏิบัติงาน เนื่องจากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา มีการวางระเบิดทำร้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐ พระภิกษุสงฆ์ และประชาชนอยู่บ่อยครั้ง รวมทั้ง ศาลากลาง จ.ยะลาก็ถูกวางระเบิดถึง 2 ครั้ง ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ตำรวจภูธร จ.ยะลา จึงได้เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการความมั่นคง จ.ยะลาพิจารณาสนับสนุนเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดแบบพกพา เพื่อใช้ในการปฏิบัติงาน เช่นเดียวกับหน่วยงานฝ่ายทหาร ตำรวจ ป.ป.ส. กระทรวงยุติธรรม และหน่วยงานอื่น ๆ ซึ่งได้จัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ในการปฏิบัติงานอยู่ในเวลานั้น
ในปี 2554 ผมและข้าราชการ จ.ยะลา รวมทั้ง ส่วนราชการต่าง ๆ ที่จัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. สอบสวนกรณีมีการร้องเรียนว่าเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดใช้งานไม่ได้ โดยมีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน รวม 3 ชุด ซึ่งปรากฏตามข่าวในหนังสือพิมพ์ และคณะอนุกรรมการไต่สวน 2 ชุดแรกได้เสนอความเห็นต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่า หน่วยงานและข้าราชการได้จัดซื้อเครื่องมือดังกล่าวมาใช้ใน การป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ไม่มีเจตนากระทำความผิด และจากการตรวจสอบ เอกสารการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ รวมถึง จ.ยะลานั้น ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินได้ส่งรายงานความเห็นไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงาน ป.ป.ช. ว่า เป็นกรณีที่บริษัทผู้ขายได้หลอกลวงส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดมิได้มีการทุจริตแต่อย่างใด
ในปี 2555 จ.ยะลาได้แจ้งความดำเนินคดีบริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิด และศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วว่า บริษัทผู้ขายเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดได้ฉ้อโกง จ.ยะลาตามฟ้อง ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ผู้ซื้อคือ จ.ยะลาและได้ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแสดงให้คู่สัญญาทราบ และให้คืนเงินแก่ จ.ยะลา
ในปี 2564 ซึ่งระยะเวลาการไต่สวนได้ผ่านมาแล้ว 10 ปี คณะกรรมการไต่สวน ชุดที่ 3 ได้มีความเห็นว่า หัวหน้าส่วนราชการและข้าราชการหลายหน่วยงานที่จัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิดดังกล่าวกระทำความผิดทางอาญาและวินัยในการจัดซื้อเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ใช้หลักฐานการทดสอบเครื่องมือดังกล่าวของศูนย์ทดสอบผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ (ศทอ. กระทรวงวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการทดสอบภายหลังจากที่จังหวัดยะลาได้ใช้งานเครื่องมือดังกล่าวไปแล้วหลายปี โดยในระหว่างการใช้เครื่องมือดังกล่าวไม่ปรากฏว่า มีหน่วยงานใดรายงานว่าเครื่องมือตรวจหาวัตถุระเบิดดังกล่าวใช้งานไม่ได้ นอกจากนั้น เครื่องมือดังกล่าวได้ผ่านพ้นระยะเวลาการรับประกันการใช้งานตามสัญญาแล้วตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535
ในส่วนของผมและข้าราชการที่ถูกกล่าวหานั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้ มูลความผิดทางอาญาและวินัยร้ายแรง โดยให้ลงโทษปลดออกหรือไล่ออก ซึ่งข้าราชการ ที่ถูกกล่าวหาและลงโทษครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการระดับล่างและระดับกลาง และตามกฎหมาย ป.ป.ช. ได้กำหนดให้ผู้บังคับบัญชาต้องมีคำสั่งลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดมา โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดใช้สำนวนไต่สวน ข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาใช้ในการลงโทษ และไม่ต้องดำเนินการสอบสวน ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมแต่อย่างใด ดังนั้น ผมจึงต้องไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลปกครองต่อไป ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาเกินกว่า 1 ปี และจะทำให้ผมไม่สามารถกลับมารับราชการได้อีก ในท้ายที่สุด แม้ว่าผมจะกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาหรือไม่ก็ตาม ผมจึงต้องปฏิบัติตามระบบและขั้นตอน กระบวนการตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งที่ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปี ที่ผมรับราชการมา ผมไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในการกระทำการทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ราชการแต่อย่างใด มีแต่เจตนา และความตั้งใจที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศชาติและประชาชน และได้สมัครใจไปปฏิบัติงานที่จังหวัดยะลาซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่มีการก่อเหตุร้ายและความรุนแรงอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้ว
โอกาสนี้ ผมขอขอบคุณท่านหัวหน้าส่วนราชการ นายอำเภอ หัวหน้าหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่ได้ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานของรัฐบาล กระทรวง และ จ.ตรังอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลสัมฤทธิ์จนเป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับจากภาคส่วนต่าง ๆ ในวงกว้าง และจังหวัดตรังได้รับรางวัลต่าง ๆ ในระดับประเทศ ระดับภาคในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน จ.ตรัง และขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวตรังทุกท่านที่ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ของ จ.ตรังจนบรรลุผลสำเร็จ มา ณ โอกาสนี้ด้วย"
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานว่า ได้ติดต่อไปยัง นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเรื่องนี้ นายขจรศักดิ์ รับสายแต่แจ้งว่าติดประชุมอยู่ และตัดสายไป
ส่วน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวกับสำนักข่าวอิศราทางโทรศัพท์ ว่า จำเรื่องนี้ไม่ได้ ติดภารกิจอยู่
เมื่อถามว่า เป็นคำสั่งให้ออกราชการ หรือไล่ออกราชการ นายสุทธิพงษ์ ไม่ตอบคำถาม ระบุแค่ว่า ติดประชุมอยู่ก่อนจะวางสายไป