ป.ป.ช.-ปปป.แถลงผลจับกุม นายกเทศฯบางแก้ว เรียกเงินสินบน 25 %โครงการ LED 13 ล.เชื่อมีเงินของกลางซุกอีกเพียบ เพราะมีเรื่องกล่าวหาอื่นๆใน ป.ป.ช. ขณะ ผบก.ปปป.วอน รบ.-มหาดไทย ใช้มาตรฐานเดียวกับกรณีพบตำรวจทุจริต สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าว (www.isranews.org) ความคืบหน้ากรณี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (ผบ.ทล.) นำกำลังตำรวจ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) สนธิกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้าจับกุม นายณัฐพงศ์ แสงสุวรรณ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว จ.สมุทรปราการ ในข้อหาทุจริต มีพฤติการณ์เรียกรับเงินสินบนผู้ประกอบการ เป็นจำนวน 25% ของวงเงินตามสัญญา เพื่อแลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม โดยจับได้พร้อมเงินของกลางที่กำลังส่งมอบ 1,560,650 บาท
ต่อมา ช่วงบ่ายวันที่ 21 ก.ย. ที่กองบัญชาการ ปปป. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช.ได้แถลงข่าวรายละเอียดการสนธิกำลังการจับกุมเพิ่มเติมระบุว่าก่อนหน้าการจับกุมวันนี้ นายณัฐพงศ์ได้มีการนัดหมายให้ผู้ประกอบการนำเงินจำนวน 1.5 ล้านบาทใส่ถุงพลาสติกดำเข้าไปห้างแอปเปิล ลอฟท์ ซึ่งมีออฟฟิศของนายณัฐพงศ์อยู่ด้านใน ปรากฏว่าในรถด้านหน้าของออฟฟิศปรากฏว่ามีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วย เข้าใจว่าน่าจะเป็นภรรยานายณัฐพงศ์ พอนายณัฐพงศ์เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รีบโยนถุงที่เงินที่เพิ่งได้รับมาหนักกว่า 1.5 กิโลกรัมทิ้งทันที
เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวต่อว่าในการวางแผนครั้งนี้ของจากการจับกุมที่ห้างแอปเปิลลอฟท์แล้ว เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีของกลางหรือเงินซุกซ่อนอยู่ในแหล่งอื่นๆด้วย เพราะจากการตามสืบแล้วพบว่านายณัฐพงศ์มีภรรยาหลายคน มีบ้านซึ่งเป็นของภรรยาหลายคน น่าจะมีการซุกซ่อนทรัพย์ ที่ได้มาจากการกระทำความผิดในคดีอื่นๆด้วย เพราะว่าตอนนี้นายณัฐพงศ์ตอนนี้เขามีเรื่องที่ถูกกล่าวหาที่ ป.ป.ช.เป็นจำนวนหลายเรื่อง จึงเป็นเหตุให้มีการขอหมายศาลเพื่อตรวจสอบบ้านจำนวน 4 แห่ง ค้นพบเงินสดบ้าง หลักฐานอื่นๆบ้าง
"ในเบื้องต้นได้มีการจับกุม แต่นายณัฐพงศ์ก็ยังปฏิเสธอยู่ ยังไม่ได้รับสารภาพ แต่การทำแผนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ได้มีการบันทึกการกระทำทุกขั้นตอน ไม่มีการกลั่นแกล้งผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด เพราะเขามีเจตนาจะเรียกรับเงินเอง" นายนิวัติไชยกล่าว
เลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวต่อถึงกรณีการสั่งให้นายณัฐพงศ์หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นอำนาจผู้บังคับบัญชา ถ้าเป็นท้องถิ่นก็ต้องเป็นอำนาจของผู้ราชการจังหวัดหรือว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่จะใช้อำนาจนั้น ส่วนในคดีของ ป.ป.ช. ถ้ามีการดำเนินการฟ้องต่อศาล บุคคลดังกล่าวก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่่ว่าในระยะเวลาหนึ่งที่เขายังอยู่ในตำแหน่ง ความผิดมันปรากฎชัดแจ้ง ดังนั้นก็อยากจะเสนอผู้บังคับบัญชาให้ดำเนินการและอยากให้ผู้สื่อข่าวติดตามด้วยว่ากระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง
ทางด้านของ พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธุ์ รองผู้บังคับการ ปปป.ได้แถลงต่อถึงกรณีการปฏิเสธรับสารภาพของนายณัฐพงศ์ว่าในขั้นตอนจับกุม นายณัฐพงศ์ได้กล่าวว่าเงินที่ได้รับมานั้นเป็นของบริษัทนั้น บริษัทนี้ แต่ว่าพอมาถึงในขั้นตอนการแจ้งข้อกล่าวหา นายณัฐพงศ์กลับให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาในเรื่องของการเรียกรับเงิน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เจ้าหน้าที่ก็ได้แจ้งข้อกล่าวหาว่านายณัฐพงศ์ทำผิดกฎหมาย 2 มาตราแล้วได้แก่มาตรา 149 และมาตรา 157 ในฐานที่เป็นเข้าพนักงานเรียกรับ ผลประโยชน์และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการสอบสวนต่อไป ซึ่งคดีที่นายณัฐพงศ์ได้กระทำความผิดมีอัตราโทษสูงสุดอยู่ที่จำคุกตลอดชีวิต ไปจนถึงโทษประหารชีวิต
ขณะที่น.ส.ชฎารัตน์ อนรรฆอร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 1กล่าวถึงการตรวจสอบนายณัฐพงศ์ที่อยู่ในขั้นตอนของ ป.ป.ช.ว่าตอนนี้มีหลายเรื่อง แต่ละเรื่องอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ ซึ่งตอนนี้ก็มีเค้าลางบ้างว่าจะต้องไต่สวนบางกรณี อาทิ เรื่องกล่าวหาโครงการขุดลอกท่อระบายน้ำอำเภอเมืองบางแก้ว อันนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะโครงการนี้มูลค่าการดำเนินการหลายล้านบาท มีการดำเนินการมานานหลายปี โดยหลังจากการจับกุมในวันนี้ ป.ป.ช.ก็จะพิจารณาในเรื่องของการร่ำรวยผิดปกติ ตรวจสอบควบคู่กันไปด้วย
เมื่อถามถึงมูลค่าทรัพย์สินที่นายณัฐพงศ์ได้ยื่นต่อ ป.ป.ช. น.ส.ชฏารัตน์กล่าวว่าตามที่ยื่นบัญชีไว้ อยู่ที่ร้อยกว่าล้านบาท แต่ไม่ขอบอกตัวเลขตรงๆว่ามีเท่าไร
ส่วน พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่าพฤติกรรมของนายณัฐพงศ์เป็นผู้มีอิทธิพลและมีหลักฐานชัดเจน เพราะจากการสืบสวนพบว่ามีหลายพื้นที่ในบางแก้ว ถ้าหากผู้ประกอบการจะเข้าไปทำธุรกิจ ก็จะต้องดำเนินการผ่านคนอื่น มีการกำหนดว่าต้องไปเอาดินตรงนั้นตรงนี้มาใช้ ดังนั้นการที่เราจะปราบทุจริต ต้องขอวิงวอนไปยังรัฐบาลที่อ้างว่ามีนโยบายปราบผู้มีอิทธิพลด้วยว่าพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกตรวจสอบว่าทุจริต กับเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีการทุจริตนั้นไม่ต่างกัน ตำรวจเมื่อโดนจับทุจริตก็ให้ออกจากราชการเลยแต่ว่าข้าราชการท้องถิ่นถูกจับทุจริต กลับยังได้ทำงานอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อไป
“เพราะฉะนั้นจึงอยากวิงวอนให้รัฐบาล กระทรวงมหาดไทยได้มีการดำเนินการด้วย ถ้าหากมีกรณีเรื่องการจับข้าราชการท้องถิ่นก็อยากจะให้มีการดำเนินการออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อไม่ให้ไปสร้างความเดือดร้อนกับประชาชนได้” พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าว
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่าสำหรับบรรยากาศในการแถลงข่าว พบว่านอกเหนือจากเงินหลักฐานที่ถูกนำมาวางหน้าโต๊ะแถลงข่าวแล้ว และยังมีอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง ซึ่งทางด้านของ พ.ต.อ.ประสงค์ กล่าวว่ากรณีนี้อาจต้องแจ้งข้อกล่าวหานายณัฐพงศ์ในเรื่องการพกพาอาวุธปืนด้วย