'บิ๊กโจ๊ก' เผยคดีกำนันนก เตรียมแจ้งข้อหาตำรวจอีก 14 นาย ระบุ ผบ.ตร.สั่งโอนสำนวนดคีฆ่าสารวัตรศิวให้กองปราบฯ ดำเนินคดีตำรวจในที่เกิดเหตุผิด ม.157 ปัดตอบเหตุตำรวจไม่ยิงสู้ แต่ยืนยันตำรวจจะมาอ้างตกใจไม่ได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้ากรณีนายธนัญชัย หมั่นมาก หรือ หน่อง ท่าผาลูกน้องนายประวีณ จันทร์คล้ายก่อ หรือกำนันนกก่อเหตุยิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.) เสียชีวิต และพ.ต.ท.วศิน พันปี รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (รอง ผกก.2 บก.ทล.) ได้รับบาดเจ็บ ส่งผลให้ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมกำนันนก และจับตายธนัญชัย
โดนวันที่ 17 ก.ย.พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยความคืบหน้าคดีว่าเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจถึงการเปลี่ยนแปลงในวงการสีกากีหลังจากเกิดประเด็นใหญ่ที่พัวพันไปถึงส่วยรถบรรทุกและการฮั๊วประมูลโครงการรัฐมูลค่าหลายพันล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่าว่าวันนี้ทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัส ผบ.ตร.ได้มีการสั่งการให้โอนคดีกลับไปยังกองปราบปราม เพื่อคลี่คลายคดีอย่างละเอียดตามที่เป็นข่าวไปแล้วในช่วงเช้า ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ลงนามโอนสำนวนทั้ง 2 เรื่อง คือ เรื่องคดีกำนันนกสั่งการให้ยิงสารวัตรแบงค์ และเรื่องคดีทุจริตตำรวจทั้ง 6 นาย ไปที่กองปราบปรามแล้ว ตอนนี้มีตำรวจ 14 นาย ที่จะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมนั้น จะมีการสรุปอีกครั้งกับกองปราบปราม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้(18 ก.ย.) และจะสรุปในประเด็นเรื่องที่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นนอกเหนือจาก 6 นายเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 หรือไม่ด้วยเช่นกัน
"วันนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้มีการแจ้งข้อกล่าวหาที่กองปราบไม่ให้แจ้งที่นี่โดยดำเนินไปตามกรอบของกฎหมาย" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกล่าวต่อว่าการทำหน้าที่วันนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือส่วนของการสืบสวน จะขยายผลการประชุมร่วมกับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน, กรมบัญชีกลาง, กรมสรรพากร, สำนักงาน ป.ป.ช., ปปง., และ ป.ป.ท. จะขยายผลในเรื่องเส้นทางการเงิน, การร่ำรวยผิดปกติ, การเลี่ยงภาษีอากรหรือไม่ ส่วนนี้ตนจะรับผิดชอบต่อร่วมกับชุดสอบสวนของภาค 7 ส่วนสำนวนเรื่องกำนันนก, คดีฆ่า พยามฆ่า, ตำรวจร่วมทุจริตหรือไม่ ส่วนนี้กองปราบฯ จะเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนจะแจ้งข้อกล่าวหาใครบ้าง วันพรุ่งนี้ัพันตำรวจเอกเอนกจะหารือร่วมกับ พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แต่วันนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใคร
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวส่วนประเด็นของผู้กำกับ สน.พญาไท ก่อนหน้านี้ได้ให้การในชั้นพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองนครปฐม ไปแล้ว คำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนนี้จะช่วยหรือไม่ช่วย ตรงนี้เป็นประเด็นปลีกย่อย ส่วนกรณีคำสั่งแต่งตั้งกำนันนก เป็นกรรมการการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ (กต.ตร.) จ.นครปฐม เป็นคำสั่งที่ลงนามโดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม ที่เสนอโดยผู้บังคับการจังหวัดนครปฐม แต่เมื่อเกิดเรื่องได้เซ็นยกเลิกคำสั่งไปแล้ว โดยการเสนอของผู้บังคับการฯ เสนอไปยังผู้ว่าฯ ซึ่งการคัดเลือกต้องยอมรับว่ากำนันนกและผู้บังคับการฯ รู้จักกันอยู่แล้ว เพราะถ้าหากไม่รู้จักก็คงไม่มีการแต่งตั้ง ประเด็นนี้กองปราบจะสอบสวนต่อ
"คุณสมบัติในการแต่งตั้งมีหลักเกณฑ์อยู่แล้ว คนที่จะเข้ามาเป็น กต.ตร.ต้องเอาคนที่มีจิตมุ่งมั่นที่จะมาสนับสนุนงานตำรวจ เหมือนเอาผู้แทนภาคประชาชนเข้ามาเพื่อจะบอกว่าในจังหวัดนครปฐมมีปัญหาอะไรบ้าง เป็นเครื่องสะท้อนการทำงานของตำรวจ จึงต้องเอาคนเหล่านี้เข้ามาเป็นตัวแทนของภาคประชาชน ซึ่งจะมีการประชุมทุกเดือน แต่การคัดกรองก็จะต้องคัดคนดีเข้ามา ไม่ใช่คัดคนไม่ดีเข้ามา เรื่องนี้ต้องตำหนิ และวันนี้ทุกจังหวัดต้องตื่นตัวในเรื่องของการพิจารณา จะต้องไม่เอากลุ่มผู้อิทธิพลเข้ามาอยู่ใน กต.ตร.เรื่องนี้ต้องไปปรับเปลี่ยน" รองผู้บัญชาการตำรวจกล่าว
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การสอบสวนเรื่องเส้นทางการเงินของกำนันนก วันอังคารที่ 19 ก.ย.นี้ จะประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 7 หน่วยงาน ซึ่งการจับกุมในวันนี้เป็นการจับกุมแค่ปลายเหตุ ต้องขยายไปถึงความผิดปกติว่าทำไมกำนันนกถึงได้โครงการของรัฐกว่า 1,500 โครงการ มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งต้องขยายผลไปถึงตรงนี้ รวมถึงเส้นทางการเงินต่าง ๆ ว่ามีการโอนไปที่ไหนบ้าง
ด้าน พันตำรวจเอกเอนก ระบุว่า ในส่วนของการดำเนินคดีเกี่ยวกับมาตรา 157 พลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ ให้โอนสำนวนการสอบสวนไปที่กองปราบฯ การดำเนินการในส่วนที่เหลือจะสอบสวนต่อว่าตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องได้อย่างไร ซึ่งในกล้องวงจรปิดเห็นพฤติการณ์ของแต่ละคนชัดเจน กองปราบฯ จะนำไปพิจารณาต่อ ซี่งตอนนี้มีบุคคลที่เกี่ยวข้องมากถึง 34 คน ก็จะนำไปพิจารณาให้ละเอียดและรอบคอบอีกครั้ง ยอมรับว่าการดำเนินการในส่วนนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องดูและให้ความเป็นธรรมกับทุกคน โดยบุคคลที่กระทำผิดในฐานะที่เป็นเจ้าพนักงานก็จะดำเนินการฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
"สำหรับตอนนี้การสอบสวนแยกเป็น 2 คดี คดีแรกคือคดีการเสียชีวิตของสารวัตรสิว มีผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง 7 คน เป็นพลเรือนทั้งหมด ดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่น ส่วนกำนันนก ดำเนินคดีในข้อหาผู้ใช้ และยังมีผู้เกี่ยวข้องอีก 5 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายพยานหลักฐาน ซึ่งได้แจ้งข้อหาฐานช่วยเหลือผู้กระทำผิดไปแล้ว"พันตำรวจเอกเอนกกล่าว
ด้าน พลตำรวจโทสันติ์ สุขวัจน์ ที่ปรึกษารอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า เมื่อวานได้นำตัวช่างติดตั้งกล้องวงจรปิดมาสอบปากคำเพิ่มเติม ข้อมูลที่กู้มาได้พบว่ากล้องวงจรปิดตัวที่ 6 ไม่มีภาพหน้าโต๊ะจีน และพบว่ามีการดึงสายกล้องวงจรปิดออก ไม่มีการล็อกอินผ่านมือถือเครื่องใด จึงสันนิษฐานว่ากำนันนกไม่มีความรู้ในเรื่องนี้จึงใช้วิธีดึงสายกล้องออก ประกอบกับกล้องวงจรปิดตัวอื่นจับภาพได้ว่ากำนันนกอยู่ในบ้านช่วงนี้เพียงคนเดียว ส่วนการตรวจสอบ DNA ที่สายกล้องไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะ DNA น้อย
ทั้งนี้มีรายงานว่าชุดคลี่คลายคดีได้เรียกตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบปากคำแล้ว พบว่า ทุกคนอยู่ในอาการเครียด เพราะไม่คิดว่าตนเองจะถูกออกหมายเรียก ขณะที่กระแสข่าวที่ว่ามีตำรวจบางนายขึ้นลำกล้องจะต่อสู้หลังเกิดเหตุยอมรับว่ามีจริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะอยู่ในสำนวนการสอบสวนของกองปราบฯ
เมื่อถามว่าทำไมตำรวจที่ขึ้นลำกล้องไว้ถึงไม่ต่อสู้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ปฏิเสธตอบคำถามนี้ และขอให้ไปถามจากกองปราบฯ แต่ตามปกติแล้วความผิดซึ่งหน้า ตำรวจต้องทำหน้าที่ จะมาอ้างว่าตกใจไม่ได้เพราะอยู่ในที่เกิดเหตุ ต้องจับคนร้าย ต้องรักษาที่เกิดเหตุ เพราะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์