เปิดมติ ครม. ‘เศรษฐา’ เสนอ ‘ครม.’ มอบหมายงานรวดเดียว 16 เรื่อง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปปฏิบัติ เผยสั่งตั้งทีมศึกษา ‘พักหนี้ฯ-แจกเงินดิจิทัล’ ให้ ‘หน่วยงานรัฐ’ทบทวน ‘ระเบียบ-กฎหมาย’ ที่ไม่จำเป็น พร้อมมอบ ‘กฤษฎีกา’ รื้อประกาศฯ-คำสั่ง คสช. สั่ง 'มท.' ตั้งทีมปราบผู้มีอิทธิพล-แก้ปัญหาพกปืน
.......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ก.ย. สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้เผยแพร่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา โดยพบว่าในวาระเรื่องต่างๆที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ได้เสนอ ครม. พิจารณา เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการนั้น มีการมอบหมายงานทั้งสิ้น 16 เรื่อง ดังนี้
1.เรื่อง การแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567
มติ มอบหมายให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีรับเรื่องนี้ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
2.เรื่อง การแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) พิจารณาดำเนินการในประเด็นการแก้ปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560
ทั้งนี้ โดยยึดรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและไม่แก้ไขในหมวดพระมหากษัตริย์ และให้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติที่ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในทุกภาคส่วนในการออกแบบกฎ กติกาที่เป็นประชาธิปไตย ทันสมัยและเป็นที่ยอมรับร่วมกัน ตลอดจนสอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
และหารือแนวทางการจัดทำรัฐธรรมนูญในรัฐสภา เพื่อให้คนไทยได้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและประเทศสามารถเดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง รวมทั้งเป็นไปตามคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2566 ด้วย
3.เรื่อง การทบทวนมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการวางระเบียบที่เป็นเงื่อนไขหรือข้อจำกัดในการปฏิบัติงานหรือการใช้ชีวิตของประชาชน
มติ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐพิจารณาทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเรื่องต่างๆ ในความรับผิดชอบที่เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติราชการของภาครัฐที่มีผลกระทบต่อการอำนวยความสะดวกและการให้บริการประชาชน รวมถึงการอนุมัติ อนุญาตแก่ภาคเอกชน โดยให้คงอยู่ไว้เฉพาะเท่าที่จำเป็น และหากเรื่องใดที่ไม่มีมติคณะรัฐมนตรีกำหนดเงื่อนไขไว้ ให้ถือว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ โดยไม่ต้องขออนุมัติขออนุญาต
ทั้งนี้ ให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐ แจ้งยืนยันการคงอยู่ของมติคณะรัฐมนตรีในความรับผิดชอบที่สมควรให้มีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป ต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายในวันที่ 25 ก.ย.2566 หากพ้นกำหนดเวลาดังกล่าวให้ถือว่ามติคณะรัฐมนตรีในเรื่องนั้น ๆ มีผลสิ้นสุดไป รวมทั้งให้นำแนวทางข้างต้นไปใช้กับการพิจารณาการตรากฎหมายในระดับต่างๆ ด้วย
4.เรื่อง การทบทวนประกาศ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน
มติ มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการ่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาทบทวนความจำเป็น เหมาะสมของประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติและคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับต่างๆ ที่ยังคงมีผลใช้บังคับในปัจจุบัน โดยหากประกาศหรือคำสั่งใดสมควรให้คงมีผลใช้บังคับอยู่ต่อไป หรือสมควรยกเลิก ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกานำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาโดยด่วนภายในวันที่ 9 ต.ค.2566
5.เรื่อง นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet
มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมหารือของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษารายละเอียดของแนวทางในการดำเนินนโยบายการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ให้ชัดเจน แล้วนำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
6.เรื่อง การพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMES) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์) แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรการในการพักหนี้เกษตรกรและผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นระยะเวลา 3 ปี และ 1 ปี ตามลำดับ โดยให้เสนอมาตรการดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีโดยด่วนภายใน 2 สัปดาห์
7.เรื่อง นโยบายด้านพลังงาน
มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานเร่งพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการลดราคาพลังงาน ให้ครอบคลุมทั้งค่าไฟฟ้า ค่าก๊าซหุงต้ม และราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนและเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันให้แก่ภาคธุรกิจ แล้วให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีโดยด่วน
8.เรื่อง การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์
มติ มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เป็นที่ปรึกษาและกรรมการ นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน เพื่อดำเนินงานต่อไป
9.เรื่อง การเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์และผลกระทบจากปรากฎการณ์เอลนีโญ (El Nino) และลานีญา (La Nina)
มติ มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อศึกษาความเป็นไปได้ของการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นรายจังหวัด เป็นเรื่องเรงด่วน โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน เพื่อเป็นกลไกในการพิจารณาเตรียมการรองรับสถานการณ์และผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (E! Nino) และลานีญา (La Nina) ที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 2-3 ปีข้างหน้า
10.เรื่อง นโยบายด้านการประมง
มติ มอบหมายให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีรับไปดำเนินการจัดทำคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฟื้นฟูทะเลไทยเพื่อความยั่งยืนให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยให้รองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) เป็นประธานกรรมการ นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายสิ่งแวดล้อม เป็นที่ปรึกษาของคณะกรรมการ และมีผู้ทรงคุณวุฒิด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมเป็นกรรมการให้ครบถ้วน เพื่อพิจารณาดำเนินการแก้ปัญหาของอุตสาหกรรมประมงให้เป็นระบบและครบวงจร โดยให้คำนึงถึงการบริหารทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืนด้วย
11.เรื่อง นโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (30 บาทรักษาทุกโรค)
มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการแต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อยกระดับการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค) โดยด่วน เพื่อพิจารณาดำเนินการปรับปรุงระบบสาธารณสุขของประเทศให้มีความทันสมัย มีประสิทธิภาพ และสามารถให้บริการการดูแลรักษาสุขภาพของประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
12.เรื่อง นโยบายการสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว
มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พิจารณาดำเนินการยกเว้นการตรวจลงตราเพื่อการท่องเที่ยว (Visa Free) สำหรับนักท่องเที่ยวจากสาธารณรัฐประชาชนจีนและสาธารณรัฐคาซัคสถานเป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งพิจารณาผ่อนปรนเงื่อนไขและขั้นตอนการเข้าประเทศสำหรับผู้ที่เข้ามาจัดแสดงสินค้าและนิทรรศการ โดยให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 25 ก.ย.2566
13.เรื่อง การปราบปรามผู้มีอิทธิพล
มติ มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเร่งจัดตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลการครอบครองและพกพาอาวุธปืน ยาเสพติด การรับสินบน และการซื้อขายตำแหน่งในระบบราชการให้บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม
โดยการครอบครองและพกพาอาวุธปืนและอาวุธอื่นๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ควรกำหนดให้ผู้ครอบครองนำมามอบแก่ทางราชการที่สถานีตำรวจในภูมิลำเนาภายใน 30 วัน ส่วนอาวุธปืนและอาวุธอื่นๆ ที่มีทะเบียนถูกต้อง หากผู้ครอบครองจำเป็นต้องพกพาให้ดำเนินการขออนุญาตพกพาภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติ ทั้งนี้ ให้รายงานผลการดำเนินงานต่อคณะรัฐมนตรีโดยเร็วต่อไป
14. เรื่อง การปรับเงื่อนไขการจ่ายเงินเดือนให้แก่ข้าราชการ
มติ มอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) เร่งศึกษาหลักเกณฑ์ เงื่อนไขและรายละเอียดในการจ่ายเงินเดือนของข้าราชการโดยแบ่งจ่ายเป็น 2 รอบ เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินและพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ให้แก่ข้าราชการ ทั้งนี้ ให้เร่งรัดการพิจารณาดำเนินการเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ภายในวันที่ 1 ม.ค.2567
15. เรื่อง การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณ
มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านกำกับดูแลการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณของส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐในกำกับดูแลให้ถูกต้อง เหมาะสม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของภารกิจที่กำหนดไว้ บนพื้นฐานของความจำเป็นและประหยัดอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางไปร่วมประชุม สัมมนา ดูงาน ของผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงาน
16. เรื่อง การลดขนาดขบวนรถเดินทางของรัฐมนตรี
มติ มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกท่านพิจารณาปรับลดจำนวนคนและรถนำขบวนให้เหมาะสมเท่าที่จำเป็น เพื่อให้เกิดผลกระทบด้านการจราจรกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้น้อยที่สุด