ราชทัณ์เผยจนท.เรือนจำนำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดทิ้งน้ำ ยังทำงานไม่ถึงปี ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ตอนนี้ถูกจับแล้ว ด้าน 'จรูญเกียรติ ปานแก้ว' สั่งตำรวจ 4 นายออกจากราชการ ความผิดช่วยเหลือผู้ต้องหาฆ่าตร.ทางหลวง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ย. 2566 กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับ 'กำนันนก' มีรายละเอียดดังนี้
นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกประจำกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวปรากฏว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตที่บ้านกำนันนก จังหวัดนครปฐม โดยเป็นผู้ที่นำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในบ้านของ 'กำนันนก' โยนลงน้ำ ในเรื่องนี้ นายสิทธิ์ ระบุว่า ทางกรมราชทัณฑ์ ได้รับรายงานจากผู้บัญชาการเรือนจำกลางราชบุรีในเรื่องดังกล่าวว่า ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว
พบว่าบุคคลดังกล่าว ที่อยู่ในคืนเกิดเหตุ คือ นายฐิตินันท์ อินต้นวงศ์ เป็นพนักงานราชการที่มาปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำกลางราชบุรี เมื่อเดือน ต.ค. 2565 ยังทํางานไม่ถึงปี โดยมิใช่เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางเขาบิน ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งขณะนี้ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไว้แล้ว
โดยอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้สั่งการให้เรือนจำฯ ประสานขอ หลักฐานการจับกุม และการควบคุมตัว จากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยด่วน เพื่อเร่งดำเนินการ ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง และให้ออกจากราชการไว้ก่อน รวมถึงยกเลิกสัญญาจ้าง และในส่วนของการดำเนินคดีอาญาขอให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ต่อไป พร้อมยืนยันว่าทาง กรมราชทัณฑ์ ไม่ปกป้องผู้กระทำผิดอย่างแน่นอน โดยการกระทำดังกล่าวถือเป็นความผิดร้ายแรง จึงต้องดำเนินการและลงโทษขั้นเด็ดขาด
นอกจากนี้นายสิทธิ ยังกล่าวถึงกรณีของนายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก กำนันตำบลตาก้อง อำเภอเมืองนครปฐม ผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดนครปฐมเสียชีวิต นั้น
นายสิทธิ กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ได้รับรายงานจากผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า ได้รับ ข.ช.ประวีณ จันทร์คล้าย หรือกำนันนก ในข้อหากระทำความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น ไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 9 กันยายน 2566 เวลาประมาณ 15.30 น. จากศาลอาญา รัชดา เข้าสู่กระบวนการแรกรับตามมาตรฐานการปฏิบัติงานของเรือนจำ (SOPs) โดยมีเจ้าหน้าที่งานรูปพรรณ ฝ่ายจำแนกลักษณะผู้ต้องขัง ได้ดำเนินการสอบถามประวัติ พิมพ์มือ ถ่ายรูป หลังจากนั้นพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ ดำเนินการตรวจสุขภาพและสอบถามประวัติการรักษา ซึ่งผู้ต้องขังแจ้งว่ามีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง มีน้ำหนักตัวมาก และภายนอกมีอาการเครียด มีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
แต่หลังจากที่ส่งตัวเข้าคุมขังที่แดนกักโรค โดยมีผู้ต้องขังเป็นเพื่อนร่วมห้องจำนวน 4 คน เมื่อคืนนี้ สามารถนอนหลับและรับประทานอาหารได้ โดยเช้านี้ เวลา 05.30 น. ตื่นมาทำกิจกรรมสวดมนต์ไหว้พระ รับประทานอาหารเช้าที่ทางเรือนจำจัดเตรียมไว้ เป็นข้าวสวยและแกงจืดหมูใส่ผัก หลังรับประทานอาหารได้นอนพักผ่อนและพูดคุยกับเพื่อนผู้ต้องขังได้ตามปกติ หลังจากนี้จะผ่านการคัดกรองโรค ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และกักตัวอยู่ในสถานที่กักกันโรคของแดนแรกรับเป็นระยะเวลา 5 วัน ก่อนจะส่งไปที่ห้องกันชน เพื่อดูอาการอีก 5 วัน หากตรวจแล้วไม่พบเชื้อโควิด-19 จะเข้าสู่กระบวนการต่อไป คือ การพิจารณาของคณะกรรมการจำแนกลักษณะผู้ต้องขังที่ต้องสัมภาษณ์ ดูประวัติเป็นรายบุคคลว่าจะส่งตัวไปควบคุมที่แดนใดต่อไป
นายสิทธิฯ กล่าวอีกว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีจิตแพทย์เข้าตรวจเป็นประจำทุกสัปดาห์ ตลอดจนมีนักจิตวิทยาคลินิกปฏิบัติหน้าที่คอยดูแลด้านสุขภาพจิต โดยเป็นไปตามกระบวนการต่างๆของกรมราชทัณฑ์ ซึ่งมีการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังภายใต้กรอบของกฎหมายและมาตรฐานการดูแลควบคุมผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ออกคำสั่งให้ตำรวจ 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อนหลังจากพบว่า ถูกดำเนินคดีในความผิดช่วยเหลือผู้ต้องหาฆ่าตำรวจทางหลวงเสียชีวิต ตำรวจทั้ง 4 นาย มีรายชื่อ ดังต่อไปนี้
- ร.ต.ท.ประสาร รอดผล รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
- ร.ต.อ.ณรงค์ศักดิ์ แตงอำไพ รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
- ร.ต.อ.ณัฏฐพล นาคกร รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.
- ร.ต.ต.สรรเสริญ ศรีสวัสดิ์ รอง สว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล.