4 ก.ย. 2566 'เศรษฐา ทวีสิน' นัดรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยทานอาหารเที่ยง พูดคุยสร้างความเข้าใจในการทำงาน-งบประมาณประเทศ ยืนยันเป็น 'รัฐบาลของประชาชน'
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า วันที่ 4 ก.ย. ในช่วงเที่ยงจะมีการรัปประทานอาหารและพูดคุยกับรัฐมนตรีในส่วนของพรรคเพื่อไทย เพื่อพูดคุยในเรื่องนโยบายและวิธีการการทำงาน รวมไปถึงความคาดหวังต่างๆ แต่ไม่ได้มีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ เป็นการพูดคุยเพื่อได้รู้จักกันมากขึ้นและเข้าใจสไตล์การทำงานร่วมกันมากขึ้น
รัฐมนตรีส่วนของพรรคเพื่อไทยที่ร่วมรับประทานอาหารกับนายเศรษฐา ได้แก่
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
นางสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
นายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะกรรมการนโยบาย พรรคเพื่อไทย
นายเศรษฐา กล่าวว่า ถือเป็นโอกาสดีที่ได้พูดคุยกันกับคณะรัฐมนตรีก่อนการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ในวันพรุ่งนี้ ยืนยันว่าเราเป็น 'รัฐบาลของประชาชน' ทำงานร่วมกันกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 11 พรรค โดยในรัฐบาลนี้พรรคเพื่อไทย ขอเทหมดหน้าตักในการทำงานครั้งนี้ ยืนยันว่าการเข้ามาทำหน้าที่ เรามาทำงานเพื่อประชาชนและดูแลบ้านเมือง แต่ละนโยบายของพรรคเพื่อไทย ถูกคัดสรรมาอย่างดี เราจะต้องทุ่มเทการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยตระหนักดี ภายใต้เวลาและขีดจำกัดของงบประมาณ แม้มีความสำคัญไม่แพ้กัน แต่ไม่ต้องการให้งบประมาณ เวลา หรือข้อจำกัดด้านกฎหมาย เข้ามาเป็นขีดจำกัดในการทำงานของคณะรัฐมนตรี นโยบายใดที่จะสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว (Quick win) เพื่อดูแลทุกข์สุขหรือยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ควรเร่งดำเนินการก่อน และเข้าใจว่าแต่ละกระทรวงมีแผนงานโครงการหลายด้านที่ต้องดำเนินการ เพื่อเร่งยกระดับชีวิตพี่น้องประชาชน
นายเศรษฐา ย้ำว่า ไม่ควรให้ทุกอย่างที่จะดำเนินการเพื่อประชาชน มีอุปสรรคในด้านขีดจำกัดเรื่องงบประมาณ เวลา หรือการเข้ามาได้บริหารช้าลงไปเล็กน้อยเป็นขีดจำกัดในการทำงาน โดยจากนี้จะมีการรับฟังความคิดเห็นและเสียงสะท้อนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) และรับฟังความคิดเห็นกับข้าราชการ เพื่อร่วมกันผลักดันงาน แก้ไขปัญหาประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีที่รับผิดชอบในแต่ละประเด็น หากจะมีการลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชน ขอให้ทำงานร่วมกับ สส. อยากให้ใกล้ชิดและคล่องตัว เน้นการรับฟังปัญหาพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
“เวลาที่เราเข้าไปพูดคุยกับพี่น้องประชาชน อย่าอธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ เราถูกเลือกเข้ามาเพื่อให้ทำให้ได้ เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่สุด รัฐบาลของประชาชน เราต้องลดช่องว่างของฝ่ายบริหารกับพี่น้องประชาชนให้ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญ อยากให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงผู้บริหารได้ อยากให้เป็นมิติใหม่ของรัฐบาลนี้ และหากมีโอกาสได้พูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลจะได้เน้นย้ำในเรื่องนี้” นายเศรษฐากล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาเกี่ยวกับงบประมาณของประเทศ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ยังไม่เคยพูดคุยกันไปไกลขนาดนั้น เรื่องงบประมาณไม่เคยบอกว่ามีปัญหา เพียงแต่อาจจะช้าไปบ้าง เราอาสาเข้ามาบริหารประเทศแล้ว ขัดจำกัดต่างๆ เราก็ต้องทำไปให้ได้ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องพูดคุยกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยวันนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะมีผลกระทบกับนโยบายดิจิทัลวอเล็ต 10,000 บาทหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ตอบว่า ไม่มีผลกระทบอย่างแน่นอน โดยยืนยันว่าจะจ่ายครั้งเดียว 10,000 บาท ส่วนกระแสข่าวที่ว่าจะทยอยจ่ายครั้งละ 2,000 - 3,000 บาทนั้น ไม่ใช่อย่างแน่นอน
สำหรับการพูดคุยกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมานั้น นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันในบรรยากาศที่ดี โดยเป็นการรับฟังความคิดเห็นกัน โดยเฉพาะเรื่องการลดช่องว่างระหว่างทหารกับประชาชน รวมถึงการดำเนินการของกองทัพที่ได้ทำไปในช่วงที่ผ่านมา ส่วนรายละเอียดต่างๆ ขอให้รอให้มีการแถลงร่วมกันหลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเข้าบริหารราชการอย่างเป็นทางการแล้วน่าจะดีกว่า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดกันถึงเรื่องงบประมาณของกองทัพหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันถึงเรื่องนี้ เพียงแค่ไปฟังความคิดเห็นว่าทางกองทัพทำอะไรกันอยู่บ้าง รวมไปถึงการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ ตนยังใหม่จึงอาจจะไม่ทราบว่าขอบเขตการทำงานของทหารมีอะไรบ้าง ซึ่งก็ได้รับความอนุเคราะห์จากทุกท่านอธิบายอย่างละเอียด อาทิ พลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งจะเดินทางไปร่วมการประชุมสหประชาชาติ ในช่วงวันที่ 18 กันยายน เพราะต้องมีการหารือเรื่องความมั่นคงกับทางสหรัฐอเมริกาด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การประชาสัมพันธ์ระหว่างกองทัพกับประชาชนมองว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้มีปัญหาติดขัดอะไร เพียงแต่ที่ผ่านมา ทางกองทัพทำอะไรดีๆ ที่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนหลายเรื่อง รวมทั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตไม่มีการชี้แจงกันอย่างตรงไปตรงมาและทำให้แพร่หลายไปหลายๆ สื่อ ซึ่งน่าเสียดาย หากปรับเรื่องการสื่อสารให้ดีขึ้น พี่น้องประชาชนก็จะได้ทราบเรื่องดีๆ ที่ทางกองทัพทำ
“ยืนยันว่าเป็นเพียงการไปรับฟังคิดเห็นเฉยๆ และรับทราบว่ากองทัพทำอะไรอยู่แล้วบ้าง เป็นการทำความรู้จักกัน เพราะไม่เคยเจอกับว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพ แต่ท่านติดตามการทำงานของเราตลอด ทั้งเรื่อง IUU และการประมง ทางผู้บัญชาการเหล่าทัพก็มีข้อมูลมานำเสนอ เมื่อแถลงนโยบายรัฐบาลแล้วก็จะมีการเขา้ไปพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ แล้วก็จะมีขั้นตอนการทำงานร่วมกันออกมาอย่างชัดเจนอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายเศรษฐา กล่าวถึงการเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมาว่าเป็นเพียงการเข้าไปดูพื้นที่ต่างๆ ห้องทำงาน ห้องประชุมต่างๆ ห้องประชุม ครม. รวมไปถึงการไปดูห้องทำงานของสื่อมวลชนด้วย ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การจะไปรื้อหรืออะไร เพียงแค่ไปดูเพื่อปรับปรุงให้ฝ่ายบริหารเข้าถึงฝ่ายสื่อมวลชนให้ดีขึ้น อาจจะมีการปรับปรุงบ้าง แต่โดยรวมความเป็นอยู่ต้องดีขึ้น
“ผมไม่เคยใช้คำว่าจัดระเบียบเป็นเพียงแค่ไปดูว่าความเป็นอยู่ของพี่น้องสื่อมวลชนเป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ยืนยันถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรทุกอย่างต้องดีขึ้น ไม่ใช่การไปจัดระเบียบหรืออะไร ผมไม่เคยใช้ ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน ขอให้สบายใจได้ เพราะเห็นว่ามีที่ทำงานของพี่น้องสื่อมวลชน มีอยู่ 2-3 ที่ ก็จะทำให้ดีขึ้น ก็อยากทำให้สบายขึ้น รวมถึงการทำงานร่วมกัน การเข้าถึงประชาชนได้ก็ต้องอาศัยสื่อมวลชน เพราะฉะนั้นการที่ฝ่ายบริหาร ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีและเลขาฯ ที่ปรึกษาฯ ก็อยากให้มีสถานที่ที่ลงมาพบปะกับพี่น้องสื่อมวลชน ซึ่งจะเป็นการลดช่องว่างระหว่างฝ่ายบริหารกับประชาชนผ่านสื่อมวลชนด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปรับปรุงห้องทำงานนายกรัฐมนตรีเยอะหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เมื่อวานมีเวลาในการดูห้องไม่มาก อาจจะต้องเข้าไปทำงานก่อน เพราะลักษณะการทำงานของนายกรัฐมนตรีแต่ละคนแตกต่างกัน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวการทาบทาม พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. มาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ทราบและไม่เคยพูดคุยกันเรื่องนี้เลย
ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสการจับผิดและโจมตีเรื่องท่าทีและการแสดงออก นายเศรษฐา ตอบว่า อย่าใช้คำว่าจับผิด หากภาพที่ออกไปแล้วบ่งบอกถึงความไม่พอใจ ก็ขอโทษด้วย แต่ไม่ได้เป็นการไม่พอใจอะไร เพียงแต่พี่น้องผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างมีหลายประเด็น จึงต้องรีบจด ไม่ใช่นั้นจะไม่สามารถตอบคำถามเขาได้ เพียงแต่เขียนไปแล้วหมึกหมด ก็บอกว่าหมึกหมด
"ผมไม่ได้ขว้าง เพียงแค่ปล่อยลงบนโต๊ะเฉยๆ ก็เข้าใจว่าเป็นบุคคลสาธารณะ การทำอะไรต่อไปนี้ก็ต้องระมัดระวัง เพราะภาพที่ออกไป แม้จะไม่ได้เป็นการสะท้อนความรู้สึกเราเอง แต่คนที่ดูอยู่ก็อาจจะเข้าใจผิดได้ ก็กราบขอโทษ และจะพยายามระมัดระวังตัวมากขึ้น" นายเศรษฐา กล่าว