ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำคุก 90 ปี แต่ติดจริง 50 อดีตจนท.การเงิน สำนักงานบังคับคดีปัตตานี ปลอมลายมือชื่อผู้บังคับบัญชา ในเช็คเบิกเงินธนาคาร 18 ครั้ง 2.8 ล้าน พฤติการณ์อุกอาจลงลายมือร่วมไม่ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ" ก่อนนำไปเรียกเก็บเงินต่อ เบียดบังไปเป็นของตนเองโดยทุจริต
เมื่อวันที่ 31 ส.ค.2566 นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า ได้รับรายงานจาก นายชัยวัฒน์ สุวรรณยอด อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 เจ้าของสำนวนคดี ว่า ในช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค 9 จังหวัดสงขลา อ่านคำพิพากษาคดีที่ พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตภาค 9 ยื่นฟ้อง เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม มีพฤติกรรมไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ทางราชการ ปลอมลายมือชื่อผู้อำนวยการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา เบิกเงินจากธนาคารไปทั้งหมด 18 ครั้ง (18 กรรม) รวมเป็นเงิน 2,805,391 บาท โดยศาลพิพากษาลงโทษจำคุก จำเลย 90 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี และให้จำเลยคืนเงิน 2,244,313 บาท แก่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ผู้เสียหายด้วย
@ โกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก 90 ปี แต่ติดจริง 50 ปี นางจิรนันท์ แก้วคำ หรือนางเมษิยา ชูสงค์ หรือนางเมธาวี คีตะเมธา ชูสงค์ อดีตเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 4 สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ในคดีกล่าวหาปลอมลายมือชื่อผู้อำนวยการ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเบิกเงินจากธนาคารไปทั้งหมด 18 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2,805,391 บาท เบียดบังไปเป็นของตนเองโดยทุจริต
โดยศาลฯ พิพากษาว่า นางจิรนันท์ แก้วคำ หรือนางเมษิยา ชูสงค์ หรือนางเมธาวี คีตะเมธา ชูสงค์ จำเลย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 18 กระทง เป็นจำคุก 90 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)
ให้จำเลยคืนเงิน 2,244,313 บาท แก่สำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี กรมบังคับคดี กระทรวงยุติธรรม ผู้เสียหาย หลังจากก่อนหน้านี้ จำเลยคืนเงินผู้เสียหายแล้วเป็นเงิน 561,078 บาท เมื่อนำมาหักออกจากเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว จึงคงเหลือ 2,244,313 บาท
คดีนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องสอบสวนไต่สวน ก่อนที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่จะมีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด นางจิรนันท์ แก้วคำ หรือนางเมษิยา ชูสงค์ หรือนางเมธาวี คีตะเมธา ชูสงค์ และส่งสำนวนต่ออัยการสูงสุด(อสส.) ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ส่วนพฤติการณ์การกระทำความผิดระบุว่า หลังจำเลยปลอมลายมือชื่อผู้อำนวยการแล้วจะลงลายมือชื่อตนเองร่วมกับลายมือชื่อผู้อำนวยการที่ปลอมขึ้น ออกเช็คของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดปัตตานี สั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้อำนวยการ โดยไม่ขีดฆ่าคำว่า "หรือผู้ถือ"
จากนั้นจำเลยจะนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจากธนาคาร จำนวน 18 ฉบับ รวมเป็นเงิน 2,805,391 บาท
อย่างไรก็ดี คดียังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้