รองโฆษกอัยการเผยความคืบหน้าคดีสั่งฟ้อง 'อุปกิต' พัวพันเครือข่าย 'ทุน มิน ลัต' ตอนนี้ อสส.มีคำสั่งเด็ดขาดแล้ว นัดวันที่ 28 ส.ค.แจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ หลังก่อนหน้านี้เจ้าตัวใช้เอกสิทธิ์ สว.ขอเลื่อนฟังคำสั่งวันที่ 26 ก.ค.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 25 ส.ค.นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยความคืบหน้าคดีที่ สำนักงานอัยการสูงสุด เเผนกคดียาเสพติด นัดฟังคำสั่ง สว.อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา ในความผิดฐานเป็นสมาชิกวุฒิสภาสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้กระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน
เป็นสมาชิกวุฒิสภาร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติโดยสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงอันเกี่ยวข้องกับองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีส่วนร่วมกระทำการใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในกิจกรรมหรือการดำเนินการขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยรู้ถึงวัตถุประสงค์และการดำเนินกิจกรรมหรือโดยรู้ถึงเจตนาที่จะกระทำความผิดร้ายแรงขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติจากการค้ายาเสพติดของเครือข่าย "ทุน มิน ลัต" นักธุรกิจชาวเมียนมา
นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า เดิมเมื่อวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางพนักงานอัยการ สำนักงานคดียาเสพติด ได้นัดฟังคำสั่ง เเต่นายอุปกิต ก็ได้เเจ้งขอเลื่อนนัดฟังคำสั่ง โดยเเจ้งเหตุว่า อยู่ระหว่างสมัยประชุมสภา จึงได้สิทธิ์รับความคุ้มครองตามกฎหมาย ซึ่งทางอัยการต้องพิจารณา ให้เลื่อนออกไปก่อนตามกฎหมาย เป็นวันที่ 28 ส.ค.นี้
นายโกศลวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ อัยการสูงสุดได้ตรวจสำนวน เเละมีคำสั่งเด็ดขาดในคดีเรียบร้อยเเล้ว เเต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดคำสั่งได้ จนกว่าจะถึงวันนัดฟังคำสั่ง เพื่อเเจ้งให้ต่อ นายอุปกิต โดยวันดังกล่าว หาก นายอุปกิต ขอเลื่อนคดี ทางพนักงานอัยการ ก็จะพิจารณาตามกฎหมายต่อไป
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า สำหรับรัฐธรรมนูญ มาตรา 131 บัญญัติเรื่องความคุ้มกันสมาชิกสภาผู้เเทนฯ ไว้ว่า ห้ามมิให้จับ คุมขัง หรือหมายเรียกตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกวุฒิสภา ไปทำการสอบสวน ในฐานะที่สมาชิกผู้นั้นเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากสภา ที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือในกรณีที่จับในขณะกระทำความผิด
กรณีที่มีการฟ้องสมาชิกรัฐสภา ในคดีอาญา ไม่ว่าจะฟ้องในหรือนอกสมัยประชุม ศาลจะพิจารณาคดีระหว่างสมัยประชุมมิได้ (ฟ้องร้องได้แต่พิจารณาคดีไม่ได้) ยกเว้น 2 กรณี คือได้รับอนุญาตจากสภา ที่ผู้นั้นเป็นสมาชิก หรือ กรณีที่เป็นคดีเกี่ยวกับ พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา, พรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง หรือ พรป.พรรคการเมือง
แต่การพิจารณาคดีต้องไม่เป็นการขัดขวาง ต่อการที่สมาชิกผู้นั้น จะมาประชุมสภา ซึ่งการคุ้มกันนี้จะคุ้มครองเฉพาะบุคคล ที่มีสถานภาพเป็นสมาชิกรัฐสภา เฉพาะกรณีของคดีอาญา เป็นเพียงการคุ้มครองชั่วคราว ในระหว่างสมัยประชุมเท่านั้น เมื่อพ้นสมัยประชุมการคุ้มกันนี้จะหมดไปด้วย