พรรคเพื่อไทยแถลงจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค 314 เสียง แบ่งเก้าอี้รัฐมนตรีลงตัว 'ภูมิใจไทย 8-พลังประชารัฐ 4-รวมไทยสร้างชาติ 4-ชาติไทยพัฒนา 1-ประชาชาติ 1-ชาติพัฒนากล้า 2-เพื่อไทยรวมพลัง 2 -เสรีรวมไทย 1-ท้องที่ไทย 1-พลังสังคมใหม่ 1'
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2566 ที่อาคารรัฐสภา พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคการเมือง 10 พรรค รวม 314 เสียง ประกอบด้วย พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคเสรีรวมไทย พรรคท้องที่ไทย พรรคพลังสังคมใหม่
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยดังนี้
แถลงการณ์จัดตั้งรัฐบาล 11 พรรค จำนวน 314 เสียง
พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองรวม 11 พรรค จำนวน 314 เสียง ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ ได้มีมติร่วมกันเสนอชื่อ 'นายเศรษฐา ทวีสิน' แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยต่อรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา
พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินการรวบรวมพรรคต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลดังนี้
-พรรคเพื่อไทย (141 ที่นั่ง) ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 8 กระทรวง/ รัฐมนตรีช่วย และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรวม 9 ตำแหน่ง
-พรรคภูมิใจไทย (71 ที่นั่ง) ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง
-พรรคพลังประชารัฐ (40 ที่นั่ง) ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง
-พรรครวมไทยสร้างชาติ (36 ที่นั่ง) ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง
-พรรคชาติไทยพัฒนา (10 ที่นั่ง) ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง
-พรรคประชาชาติ (9 ที่นั่ง) ทำหน้าที่รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง
-พรรคอื่นๆอีกจำนวน 5 พรรค ได้แก่ พรรคชาติพัฒนากล้า 2 ที่นั่ง/ พรรคเพื่อไทยรวมพลัง 2 ที่นั่ง/ พรรคเสรีรวมไทย 1 ที่นั่ง/ พรรคท้องที่ไทย 1 ที่นั่ง/ พรรคพลังสังคมใหม่ 1 ที่นั่ง
พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ได้เชิญหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคหรือผู้แทนที่ได้รับมอบหมายของแต่ละพรรคมาตกลงเรื่องการร่วมมือและแบ่งงานกันทำ โดย ทุกพรรคบรรลุข้อตกลงร่วมกันจะนำนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่หาเสียงไว้เป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น digital wallet , ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ และจะแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ และยังคงไว้ในส่วนของหมวดที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์” ทั้งนี้ พรรคร่วมจะนำนโยบายเข้ามาบูรณาการร่วม พร้อมปรับ เสริม หรือประสานนโยบายของ 'พรรคร่วมรัฐบาล' ให้เป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และนำมาจัดทำเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภาต่อไป
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ขอกราบเรียนว่า ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นปัญหาสำคัญลำดับแรกที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะประชาชนกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจ สถานการณ์หนี้สินของครัวเรือน ภาคธุรกิจขนาดเล็กขนาดกลางได้รับผลกระทบมาแล้วเป็นเวลานาน ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงสร้างและกลไกเพื่อนำไปสู่การสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศให้กลับคืนมาอีกครั้ง
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลตระหนักดีว่าในสถานการณ์ดังกล่าวเราไม่อาจจะทอดเวลาไปมากกว่านี้ หรือจำนนต่อสถานการณ์ขัดแย้งที่ประเทศและประชาชนตกอยู่ในวงล้อมที่เสียโอกาสไปทุกขณะ
การตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้อยู่บนฐานความรับผิดชอบต่อประชาชนในสถานการณ์ที่ปัญหาทุกด้านส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องรุนแรง แม้พรรคเพื่อไทยจะเผชิญกับวาทกรรมหรือคำกล่าวหาที่รุนแรงตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเรารับรู้ความขัดแย้งดังกล่าวด้วยใจที่เป็นธรรม และตั้งใจมุ่งสู่เป้าหมายที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังนั้นเป้าหมายหลักในวาระนี้คือการเข้ามาร่วมรับผิดชอบในวาระประเทศและวาระของประชาชน
พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะมุ่งมั่นดำเนินการตามนโยบายด้วยการแก้ปัญหาให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นอย่างรวดเร็ว เราต้องเร่งทำงานเพื่อฟื้นโครงสร้างเศรษฐกิจ กำหนดนโยบายพัฒนามาตรการกลไกเพื่อความมั่นคงทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม เพื่อดำเนินการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างสร้างสรรค์ พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่า “ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย ถึงแม้จะมีอดีตพรรคการเมืองในรัฐบาลที่แล้วร่วมรัฐบาล แต่ทุกพรรคจะร่วมกันทำงานกับพรรคเพื่อไทยอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ดังเช่นที่ทุกพรรคการเมืองได้เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย” และพรรคร่วมรัฐบาลจะใช้โอกาสนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความรักสามัคคีปรองดองของคนในชาติ และจะร่วมกันสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศชาติและประชาชนต่อไป
จากแถลงการณ์และเจตจำนงดังกล่าวข้างต้น เราจึง 'ขอรับการสนับสนุนจากท่านสมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน และทุกพรรคการเมือง มาร่วมกันผลักดันวาระประเทศ เพื่อดำรงความมุ่งหมายที่มุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงของประเทศ และดูแลสถาบันหลักของชาติเป็นสำคัญ ร่วมกันลดเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การขยายความขัดแย้งในประเทศ ร่วมกันพาประเทศไปสู่ความมั่งคั่งและการกินดีอยู่ดีของประชาชน และมีความเป็นประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ขึ้น'
'มุ่งมั่นทำงาน แก้วิฤตการณ์ประเทศ โดยยึดวาระประชาชน'
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นพ.ชลน่านตอบว่า การแก้ไขเพื่อทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีสสร. ตามที่แถลงการณ์ไป
เมื่อถามต่อว่าการแบ่งโควตต้าก่อนเลือกนายก ใครได้อะไรบ้าง นพ.ชลน่านตอบว่า จากที่แถลงไปกำหนดสัดส่วนจำนวนรัฐมนตรีไว้แล้ว ส่วนรายละเอียดแต่ละพรรคก็ต้องไปดำเนินการ ก็ได้มีการตกลงแล้วแต่ยังไม่สามารถนำเสนอได้เพราะต้องผ่านกระบวนการนำรายชื่อตรวจสอบคุณสมบัติแล้วนำทูลเกล้า เป็นข้อตกลงที่ความชัดเจน
เมื่อถามว่าท่าทีของสว.ต่อการโหวตนายก นพ.ชลน่านตอบว่า ขณะนี้ดำเนินการแสวงหาคะแนนและอยู่ในขั้นที่มีความมั่นใจในจำนวนที่จะมีการสนับสนุน วันโหวตนายกคาดไม่น่ามีปัญหาใดเกิดขึ้น
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบันที่เคยคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีความเห็นอย่างไรกับการตั้งสสร. จะเลือกตั้งสสร. 100% ตามที่ประชาชนต้องเลยหรือไมj นพ.ชลน่านตอบว่า การพูดคุยกับพรรคร่วมเน้นที่หลักการเป็นหลัก ต้องไปคุยในรายละเอียดอีกที และจะเป็นวาระแรกที่จะทำคู่ขนานกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
เมื่อผู้สื่อข่าวว่าถามต่อว่า จะจัดการกับภาพลักษณ์ของนายเศรษฐาหลังจากที่มีกระแสข่าวต่าง ๆ และในการโหวตนายกไม่มีการแสดงวิสัยทัศน์ชลน่าน กล่าวว่า การแสดงวิสัยทัศน์ของแคนดิเดตนายกรัฐมนาตรี ยึดตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับของรัฐสภาเป็นหลัก หน้าที่ของสมาชิกรัฐสภามีหน้าที่เลือกบุคคลที่ไม่มีลักษณะต้องห้าม ซึ่งในส่วนนี้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคในการคัดเลือกเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยผ่านการกลั่นกรองมาอย่างถี่ถ้วน จึงมั่นใจในคุณสมบัติของนายเศรษฐา ทวีสิน