ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'บุญยัง เรือนกูล' อดีตนายอำเภอพญาเม็งราย เชียงราย ทุจริตซื้อวัสดุก่อสร้างหมูหลุม ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนลงโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน พร้อมพวก 1 ราย ที่เหลือโดน1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา นับโทษต่อคดีเก่า
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายบุญยัง เรือนกูล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย กับพวก คือ นายสุรชาติ สอาดเอี่ยม , นางวัลลภาภรณ์ เรือนปาง , นายกิตติเชษฐ์ ไชยวรรณ์รตน ทุจริตโครงการจัดซื้อวัสดุก่อสร้างโรงเรือนแบบธรรมชาติ (หมูหลุม) หมู่ที่ 1, 5, 9 และ 13 บ้านสันสลีก ตำบลเม็งราย ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 , 157 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2563 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2565 ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนตามศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5
จากที่พิพากษาดังนี้
1. นายบุญยัง เรือนกูล จำเลยที่ 1 และ นางวัลลภาภรณ์ เรือนปาง จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 จำคุกจำเลย ที่ 1 และจำเลยที่ 3 มีกำหนดคนละ 5 ปี
2. นายสุรชาติ สอาดเอี่ยม จำเลยที่ 2 มีความผิด ตามมาตรา 157 (เดิม) ประกอบ มาตรา 83 จำคุก 3 ปี
3. นายกิตติเชษฐ์ ไชยวรรณ์รตน จำเลยที่ 4 มีความผิดตามมาตรา 151 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 จำคุก 3 ปี 4 เดือน
4. จำเลยทั้งสี่ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่ง
คงจำคุก จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 มี กำหนดคนละ 2 ปี 6 เดือน , จำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน , จำเลยที่ 4 มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน
5. นับโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง ที่อท 79/2563 ของศาลนี้ นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษ จำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลข แดงที่อท 78/2563 ของศาลนี้ ส่วนจำเลยที่ 4 เนื่องจากคดีดังกล่าวศาลมีคำพิพากษาให้รอการลงโทษ จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้
ขณะที่ ศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษายืนในส่วนของจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 3 ส่วนจำเลยที่ 4 ถึงแก่ความตาย และศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งเกี่ยวกับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4 จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 4
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
เบื้องต้น ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2566 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุดจะไม่ฎีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท
มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ