'เพื่อไทย' จับมือ 'ชาติไทยพัฒนา' สำเร็จ ร่วมตั้งรัฐบาล รวมยอด 9 พรรค ได้ 238 เสียงแล้ว ด้าน 'ชลน่าน' ยันคุย 'ก้าวไกล' เมื่อ 9 ส.ค. 66 ไม่ใช่การชวนร่วมรัฐบาล
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2566 ที่อาคารรัฐสภา พรรคเพื่อไทยแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ร่วมแถลง
นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนา ขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้เกียรติส่งเทียบเชิญมาที่พรรคชาติไทยพัฒนา หลังจาก 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้ไปร่วมหารือจุดยืนของพรรคชาติไทยพัฒนา การได้รับเทียบเชิญวันนี้ แสดงให้เห็นว่าทั้ง 2 พรรค มีแนวคิด นโยบาย ทัศนคติในหลาย ๆ เรื่องไปในทิศทางเดียวกันสามารถทำงานด้วยกันได้ และขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ส่งเทียบเชิญมา พรรคชาติไทยพัฒนายินดีตอบรับคำเชิญในการทำงานในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และเชื่อมั่นศักยภาพพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเพื่อสร้างความมั่นคง และในการเดินหน้าทางเศรษฐกิจ และอีกหลาย ๆ ด้าน
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย อ่านคำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ดังนี้
คำแถลงจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา
พรรคเพื่อไทยได้รวบรวมเสียงในการจัดตั้งรัฐบาลเพิ่มเติมในวันนี้ โดยได้รับการสนับสนุนจากพรรคชาติไทยพัฒนา ขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
สถานการณ์ของประเทศวันนี้ มี 3 วิกฤตสำคัญคือ
1. วิกฤตรัฐธรรมนูญ
2. วิกฤตเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน
3. วิกฤตความขัดแย้งในสังคม
พรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา จะจับมือกันคลี่คลายปัญหาของประเทศในครั้งนี้ โดยดึงการมีส่วนร่วมของทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองต่างๆ และสมาชิกวุฒิสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีและจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ สามารถบริหารประเทศ นำไปสู่การเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้โดยเร็ว การประวิงเวลาออกไปยิ่งทำให้เกิดความเสียหายยิ่งขึ้น การจัดตั้งรัฐบาลได้เร็วเท่าไรจะยิ่งแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
เรายืนยันจะทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความพิเศษ ดังนั้นการที่จะแก้วิกฤตครั้งนี้ได้ จำเป็นต้องสลายขั้วการเมือง ดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต เพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ เพื่อสร้างความสามัคคี สมานฉันท์ โดยถือเป็น “วาระประเทศ” ที่สำคัญอย่างสูงสุด
เราอยากขอวิงวอน ให้พี่น้องประชาชนมั่นใจในพรรคเพื่อไทย และพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนในครั้งนี้ เราจะช่วยกันฝ่าวิฤตเพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชนทุกคน
เราหวังจะเห็นความสามัคคีของทุกฝ่ายในประเทศ ช่วยกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้สังคมไทยกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติในเร็ววัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้มีพรรคการเมือง 8 พรรค ที่จับมือร่วมพรรคเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลแล้ว คือ พรรคประชาชาติ พรรคชาติพัฒนากล้า พรรคเสรีรวมไทย พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคท้องที่ไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา รวมเสียงสส. ได้ 238 เสียง
@ ยันคุย 'ก้าวไกล' เมื่อ 9 ส.ค. 66 ไม่ใช่การชวนร่วมรัฐบาล
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนา กังวลหรือไม่ ที่พรรคเพื่อไทยคุยกับพรรคก้าวไกล นายวราวุธ กล่าวว่า การที่แต่ละพรรคได้แสดงเจตจำนงทำงานร่วมกันแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของทุก ๆ พรรคที่จะช่วยหาคะแนนเสียง ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้เกิน 375 เสียง ก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย หรือ พรรคชาติไทยพัฒนา เราก็ต้องช่วยกันหาคะแนนเสียง ช่วยกันโหวต เพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด ไม่น่าจะเป็นปัญหา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคเพื่อไทยไปคุยกับพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการหลอกสว.ว่าก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านปลอม ๆ แล้วจะดึงมาเป็นรัฐบาลทีหลัง หรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า พรรคเพื่อไทยพยายามตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกลโดยที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ โดยมี 8 พรรคร่วม 312 เสียง แต่ผลเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างที่ทราบกันว่าไม่สำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงในรัฐสภา พรรคเพื่อไทยรับมอบหน้าที่ตั้งรัฐบาลจากพรรคก้าวไกลตาม MOU เดิม ถ้าเดินทางเดิมก็ไม่ได้เสียงไปมากกว่าเดิม
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำก็คือหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย โดยทำอย่างเปิดเผย ซึ่งการทำโดยเปิดเผยเพื่อให้ได้รับคำตอบอย่างเปิดเผยว่าทำไมถึงไม่ลคะแนนให้กรณีที่ตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล คำตอบชัดเจนว่าเพราะมีเรื่องเกี่ยวกับมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นต้องหาเสียงเพิ่มภายใต้เงื่อนไขว่าถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่ร่วมในการตั้งรัฐบาลจะไม่ได้เสียงสนับสนุน พรรคเพื่อไทยจำยอมที่ต้องทำ ไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ทำอันใดเลยเท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบของประชาชน การที่หาเสียงเพิ่มเติมเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่ได้ชวนพรรคก้าวไกลมาร่วมเป็นรัฐบาล