'สถาบันที่ปรึกษาสหรัฐฯ' วิเคราะห์เพื่อไทยส่อประนีประนอมมากขึ้น หวังสกัด รบ.เสียงข้างน้อยเอียงขั้วกองทัพ ชี้กลุ่มผู้ทรงอำนาจกำลังเล่นอยู่กับไฟ หากดึงดันตั้ง รบ.เสียงข้างน้อย อาจเกิดเหตุ 'พฤษภาทมิฬ' รอบใหม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับบทวิเคราะห์ในต่างประเทศ กรณีที่ที่ประชุมรัฐสภาได้เห็นชอบกรณีที่มีสมาชิกรัฐสภาเสนอคัดค้านว่า การเสนอโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลให้นายกรัฐมนตรีดังกล่าวขัดกับ ข้อที่ 41 ของข้อบังคับการประชุมรัฐสภา 2563 เพราะว่าเป็นญัตติซ้ำ ประกอบกับศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ เนื่องจากต้องดำเนินการวินิจฉัยในกรณีที่นายพิธาถือครองหุ้นไอทีวี 42,000 หุ้น
โดยคณะที่ปรึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (Council on Foreign Relations ) ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยและให้คำปรึกษาของสหรัฐฯ ได้ออกบทวิเคราะห์ระบุว่าในขณะที่การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ของไทยยังดำเนินต่อไป ก็เริ่มมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อยๆที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ที่มีลักษณะของความประนีประนอมมากกว่าจะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ก.ค. รัฐสภาไทยได้ลงมติไม่เห็นชอบนายพิธาให้เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าพรรคก้าวไกลที่นายพิธาเป็นหัวหน้าพรรคจะชนะการเลือกตั้งระดับชาติเมื่อเดือน พ.ค.ก็ตาม
ผลลัพธ์ดังกล่าวนี้ถือว่าไม่เคารพความปรารถนาของผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งลงคะแนนอย่างท่วมท้นให้กับฝ่ายค้านที่สนับสนุนประชาธิปไตย และสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยอย่างแท้จริงรวมถึงต้องการให้มีการปฏิรูปกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ความประนีประนอมดังกล่าวนี้ก็เพื่อจะทำให้มั่นใจว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยที่โอนเอียงฝั่งกองทัพจะไม่เข้ามายึดอำนาจ และนี่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นความสำเร็จอยู่บ้างแล้วสำหรับคนไทยบางกลุ่มที่ต้องการจะเห็นการปฏิรูปเกิดขึ้น แต่สำหรับคนกลุ่มอื่นๆแล้ว การประนีประนอมที่ว่ามานี้ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอ
โดยผู้สนับสนันพรรคก้าวไกลบางคนมีความกลัวว่าพรรคเพื่อไทยที่สนับสนุนประชาธิปไตยเหมือนกันแต่ว่ามีแนวคิดหัวก้าวหน้าที่น้อยกว่า อาจจะแยกตัวจากพรรคก้าวไกลออกไปเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของสาธารณชน การกระทำเช่นนี้จะทำให้พรรคเพื่อไทยเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จนถึงขั้นอาจจะเป็นจุดสิ้นสุดของความนิยมชมชอบของพรรคเพื่อไทย และอาจจะเป็นจุดจบของพรรคเพื่อไทยก็เป็นไปได้
การละเลยความต้องการเปลี่ยนแปลงของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวไทยซึ่งแข็งแกร่งกว่าที่ปรากฏในการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2562 นั้นหมายความว่ากลุ่มผู้มีอิทธิพล และทรงอำนาจในสังคมไทยที่ต้องการดึงดันจะจัดตั้งรัฐบาลกำลังเล่นเกมที่อันตรายมาก
โดยการที่เหล่าผู้ทรงอำนาจต้องการจะรักษาอำนาจการปกครองเอาไว้ จึงได้มีคำสั่งให้แบนนายพิธาออกจากการเมือง และอาจจะแบนพรรคก้าวไกลด้วยก็เป็นไปได้ เฉกเช่นเดียวกับที่เคยทำกับพรรคอนาคตใหม่ หรือว่าพวกเขายังคงดึงดันที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมต่อไป โดยไม่มีพรรคการเมืองที่มีจุดยืนสนับสนุนประชาธิปไตย
การเคลื่อนไหวใดๆดังกล่าวนี้จะส่งผลทำให้ประเทศไทยลุกเป็นไฟอีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากกลุ่มผู้ทรงอำนาจ ยังคงดำเนินการเพื่อจะละเลยผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้ง ก็มีความเป็นไปได้สูงที่ผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลจะเดินลงไปต่อสู้บนท้องถนน และนี่ก็จะนำไปสู่ความเป็นไปได้ว่าจะมีเหตุการณ์ความวุ่นวายแบบในปี 2535 (พฤษภาทมิฬ) ซึ่งในตอนนั้นรัฐบาลได้ตอบสนองต่อการประท้วงด้วยการปราบปรามอันนองเลือด สถานการณ์นี้จะเป็นวังวนแห่งความหายนะทางประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่องสำหรับประเทศไทย
เรียบเรียงจาก:https://www.cfr.org/blog/thai-establishment-plays-fire?utm_source=flipboard&utm_content=other