เครือข่ายเลือกตั้งสุจริต มาเลย์ฯออกแถลงการณ์ ผิดหวัง 'พิธา' ถูก ส.ว.ขัดขวางเป็นนายกฯ ชี้เป็นการสบประมาทเสียงประชาชนไทย หวั่นขยายตัวลามเสถียรภาพภูมิภาค จี้สมาชิกรัฐสภาลงมติอย่างรับผิดชอบ 19 ก.ค.นี้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีการเลือกนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยว่า ทางด้านของ กลุ่มแนวร่วมเพื่อการเลือกตั้งที่สะอาดและเป็นธรรมจากประเทศมาเลเซีย หรือ Berish ได้ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลและผิดหวังที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ผู้ซึ่งได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเกินกว่า 60 เปอร์เซ็นต์จากในที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถูกขัดขวางไม่ให้เป็นนายกรัฐมนตรี จากสมาชิกวุฒิสภาที่ได้รับการแต่งตั้งโดยทหาร ในการลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งแรก
Berish กล่าวต่อไปว่าการกระทำที่สบประมาทต่อคะแนนเสียงของประชาชนไทยเช่นนี้ถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบและ จะบั่นทอนเสถียรภาพของประเทศไทย อันจะส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจไทย และขยายวงต่อไปจนถึงเสถียรภาพในระดับภูมิภาค
“เราขอเรียกร้องให้สถาบันที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งในประเทศไทยยุติวิกฤตการณ์ทางการเมืองนี้และทําให้เกิดความสมานฉันท์ระดับชาติโดยการลงคะแนนเสียงให้นายพิธาในการลงคะแนนเสียงครั้งที่สองในวันที่ 19 กรกฎาคม สมาชิกวุฒิสภาที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งต้องไม่ท้าทายการเลือกตั้งของไทยและก่อให้เกิดความไม่สงบอย่างกว้างขวาง” แถลงการณ์ Berish ระบุ
แถลงการณ์ระบุต่อไปว่ากลไกทั้งหมดทั้งมวลเพื่อจะปฏิเสธนายพิธา รวมไปถึงการดำเนินการทางกฎหมายในนาทีสุดท้าย ซึ่งอาจจะตัดสิทธิ์นายพิธาได้นั้นจะทำให้เกิดคำถามอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีกระบวนการทางการเมืองอย่างสันติในประเทศไทย ในฐานะทางเป็นองค์กรหนึ่งที่อุทิศตนเพื่อส่งเสริมการเลือกตั้งที่สะอาดและเป็นธรรม Berish ได้เฝ้าติดตามกระบวนการเลือกตั้งทั่วโลกอย่างใกล้ชิด และยืนหยัดในความเป็นน้ำหนึ่งในเดียวกับเพื่อสิทธิประชาธิปไตยของประชาชน
“ระบอบประชาธิปไตยที่ดีต้องอาศัยหลักการเป็นตัวแทนและเจตจํานงของประชาชน การที่ผู้สมัครที่ได้รับเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีเป็นภัยคุกคามต่อความชอบธรรมของรัฐบาลไทยชุดต่อไป” แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์กล่าวต่อไปว่าระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นมีความเข้มแข็งในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือและในญี่ปุ่น เพราะว่าไม่มีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเพราะว่าระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาไม่ได้ถูกทำให้พิการโดยสถาบันที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ป้องกันจากการเคลื่อนไหวเพื่อทำให้เป็นสาธารณรัฐ
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เจตจำนงของประชาชนจะต้องได้รับการเคารพและสะท้อนให้เห็นในผลการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นรากฐานของสังคมประชาธิปไตยและเป็นพื้นฐานสำหรับเสถียรภาพทางการเมืองและระเบียบทางสังคม
Berish เชื่อว่าทุกคะแนนเสียงของประชาชนมีความสำคัญ และสิ่งที่สำคัญก็คือต้องรักษาความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในระบบทางการเมือง
ดังนั้น Berish จึงเรียกร้องให้สมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของไทยทําหน้าที่อย่างชาญฉลาดและมีความรับผิดชอบในวันที่ 19 กรกฎาคม เพื่อประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าของทุกฝ่าย รวมถึงสถาบันที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง