เปิดอีก 2 ชื่อ 'สุทธิชัย จันทร์อารักษ์' ผู้ช่วยเลขาฯ รมช.ศึกษา - 'ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์' เลขาธิการคกก.อาชีวศึกษา ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลคดีจัดซื้อครุภัณฑ์ไทยเข้มแข็ง พร้อม 'นริศรา' ด้วย -เผยบทบาทสำคัญตั้งบุคคลเข้าเป็นคกก.จัดทำสเปค-ขอเปลี่ยนแปลงครุภัณฑ์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกกรณีที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2566 มีมติชี้ความผิด นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และพวก ในคดีโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง (SP.2)ประจำปีงบประมาณ 2553-2555 ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยข้อกล่าวหาในส่วน นางสาวนริศรา ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียงเอกฉันท์ชี้มูลความผิด ส่วนผู้ถูกกล่าวหารายอื่น มีจำนวนหลักร้อยคนขึ้นไป
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า กลุ่มบริหารกระทรวงศึกษาธิการ ที่ถูกชี้มูลความผิดในคดีนี้ นอกจาก นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ แล้ว
ยังมีชื่อ นายสุทธิชัย จันทร์อารักษ์ อดีตผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์) และนางสาวศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (กอศ.) ด้วย
แหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยสำนักข่าวอิศรา ว่า เหตุผลที่ นางสาวนริศรา และ นายสุทธิชัย ถูกชี้มูลในคดีนี้ เป็นเพราะมีบทบาทสำคัญในการสั่งการให้มีการแต่งตั้งบุคคลของตนเอง เข้าเป็นคณะกรรมการจัดทำคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์รวมถึงให้กำหนดคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์ที่จะซื้อให้มีความสอดคล้องกับคุณลักษณะเฉพาะของครุภัณฑ์ของกลุ่มบุคคลที่จะทำการขาย
ขณะที่ นางสาวศศิธารา มีบทบาทในฐานะเป็นผู้ขอความเห็นชอบต่อกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเปลี่ยนแปลงครุภัณฑ์ที่ขอจัดซื้อในโครงการฯ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับราคาจัดซื้อครุภัณฑ์ในโครงการฯ
อนึ่งก่อนหน้านี้ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. ให้สัมภาษณ์ยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด นางสาวนริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และพวก ในคดีโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ไทยเข้มแข็ง (SP.2) ประจำปีงบประมาณ 2553-2555 จริง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอส่งสำนวนไต่สวน พยานเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้ อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อฟ้องร้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย
เมื่อถามว่า ผู้ถูกกล่าวหารายอื่นที่ถูกชี้มูลด้วยมีจำนวนมากถึงหลักร้อยคนหรือไม่ นายนิวัติไชย ตอบว่า "น่าจะถึง"
"ตอนนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอะไรได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างรอรับรองรายงานที่ประชุมและยังไม่เห็นสำนวนรายละเอียดทั้งหมด ต้องรอให้มีการรับรองรายงานการประชุมเรียบร้อยก่อนถึงจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้" นายนิวัติไชย ระบุ
สำหรับข้อมูลคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา เคยเสนอข่าวไปในช่วงเดือนสิงหาคม 2559 ว่า ป.ป.ช.มีการรับเรื่องไต่สวนคดีนี้เป็นทางการ ระบุข้อกล่าวหาว่า มีการร่วมกันกำหนดวงเงินงบประมาณให้กับสถานศึกษา โดยมีเงื่อนไขหัก 1% ของงบประมาณที่ได้รับ สถานศึกษาใดยอมรับจะได้รับการจัดสรรงบตั้งแต่ 30 ล้านบาท จนถึง 99 ล้านบาท หากไม่ยอมรับเงื่อนไขจะได้รับการจัดสรรเพียง 3 แสนบาท จนถึง 2 ล้านบาท ทำการติดต่อพ่อค้าให้เข้ามาตกลงเรื่องการจ่ายเงินเปอร์เซ็นต์ รวม 30%โดยเม็ดเงินทั้งหมดจะรวบรวมนำส่งให้กับผู้ถูกกล่าวหาบางราย
ส่วนในการเสนอสำนวนไต่สวนให้ที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิดผู้เกี่ยวข้องนั้น ในชั้นคณะกรรมการไต่สวน มีการสรุปจำนวนผู้ถูกกล่าวหามากกว่า 190 ราย มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และเอกชน แต่ยังไม่มีการยืนยันข้อมูลเป็นทางการว่า ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดด้วยจำนวนกี่ราย
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า การชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาที่ถูกชี้มูลความผิด มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก