ป.ป.ช.ตรัง แถลงคำพิพากษาศาลอาญาทุจริตฯภาค 9 คดีเสน่ห์ ทองศักดิ์ นักการเมือง-นักธุรกิจชื่อดัง อดีตนายกอบต.เขากอบถูกชี้มูล คดีบ่ายเบี่ยงสร้างบ้าน ปชช.-สั่งจำคุก 1 ปี ปรับ 4 หมื่น แต่รับสารภาพ เลยให้จำคุก 6 เดือน ปรับ 2 หมื่น-ให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี เหตุไม่เคยทำผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ 27 มิ.ย.66 นายบัณฑิต คณะสุวรรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประจำ จ.ตรัง พร้อมด้วย นายยุทธนา วิมลเมือง เจ้าพนักงานป้องกันการทุจริตชำนาญการพิเศษ ป.ป.ช.ตรัง และคณะเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันแถลงผลคำพิพากษาศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 ภายหลังจากเมื่อปี พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 9 เสียง ชี้มูลความผิดนายเสน่ห์ ทองศักดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเขาขอบ อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เกี่ยวกับการอนุญาตก่อสร้างอาคารพักอาศัย ขององค์การบริหารส่วนตําบลเขากอบ โดย สร้างเงื่อนไข บ่ายเบี่ยงไม่ออกใบอนุญาต ในการก่อสร้างอาคารพักอาศัยให้กับประชาชนผู้มาขออนุญาต เมื่อเทียบเคียงกับการขออนุญาตรายอื่น ขององค์การบริหารส่วนตําบลเขากอบ
จึงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมีมูลเป็นการกระทำการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 92 แล้วนั้น
จนถึงวันนี้ผ่านมาเกือบ 3 ปี ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 มีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 1 ปี และปรับ 40,000 บาท
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 20,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลยของพนักงานคุมประพฤติแล้ว ผู้เสียหายไม่ติดใจดำเนินคดีกับขอให้ศาลรอการลงโทษจำคุกแก่จำเลย เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงให้รอการลงโทษจำคุกไว้ 2 ปี ให้คุมความประพฤติจำเลยไว้ 1 ปี โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 20 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30
อย่างไรก็ตามหลังจาก นายเสน่ห์ ทองศักดิ์ ถูกชี้มูลความผิดและได้ถูกศาลพิพากษาคดีแล้ว ตามระเบียบข้อกฏหมายก็ยังระบุไว้ว่า ต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต เช่นเดียวกัน เนื่องจากขาดคุณสมบัติของนักการเมือง จากการถูกพิพากษาคดีจำคุก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายเสน่ห์ หรือผู้การฯเหน่ ที่คอการเมืองเรียกขานกัน ถือเป็นผู้กว้างขวางและมีชื่อเสียงใน จ.ตรัง ปัจจุบันเป็นนักธุรกิจเจ้าของกิจการโรงงานแปรรูปส่งออกไม้ยางพารา และประธานสโมสรฟุตบอลเมืองตรังยูไนเต็ด และเคยลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ในระบบปาร์ตี้ลิสต์ มีตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทย ดูแลพื้นที่ภาคใต้ และต่อมาหลังแพ้เลือกตั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขานุการนายก อบจ.ตรัง สมัยล่าสุดที่มีนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ เป็นนายก อบจ.ตรัง ก่อนตัดสินใจลาออกมาลงสมัครรับเลือกตั้ง นายก อบต.เขากอบ อีกครั้ง เมื่อวันที่ 28 พ.ย.64 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าแพ้การเลือกตั้ง กระทั่งมาถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดตามมาตรา 157 จนมีคำพิพากษาของศาลฯในคดีดังกล่าว และเมื่อปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา เจ้าตัวยังเคยตกเป็นเป้าถูกตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินที่มีอย่างอู่ฟู่ ในเชิงลึกจากสำนักงาน ป.ป.ช.ตรังอีกด้วย.