จเรตำรวจแห่งชาตินัด 'วิโรจน์' -‘ปธ.สหพันธ์ขนส่งทางบก’ ให้ถ้อยคำ ลุยสอบส่วยสติ๊กเกอร์ภายในสัปดาห์หน้า ผู้การ ปปป. สั่ง ตร.ทางหลวงรายงานข้อเท็จจริงภายใน 5 วัน ด้าน ผบ.ตร. สั่งกวดขันรถบรรทุกทำผิดกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า จากกรณีการเปิดโปงขบวนการส่วยสติ๊กเกอร์ทางหลวง โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 2566 พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เปิดเผยว่า ได้ติดต่อ นายวิโรจน์ พร้อมด้วย ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เพื่อให้มาถ้อยคำ เกี่ยวกับข้อมูลหลักฐานเรื่องส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก ภายในสัปดาห์หน้าแล้ว โดย นายวิโรจน์ และ ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ได้ตอบรับ โดยจะมาให้ปากคำและส่งมอบพยานหลักฐาน ห้แก่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจ และ ตำรวจสอบสวนกลาง
พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวต่อว่า ในการบันทึกถ้อยคำในครั้งนี้ จะประกอบด้วยคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงจาก ทั้ง 2 ฝ่าย ประกอบด้วย 1) สำนักงานจเรตำรวจ โดยมี พล.ต.ท.ฎิษพจน์ อิศรางกูล ณ อยุธยา เป็นประธานกรรมการ 2) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) โดยมี พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. เป็นประธานกรรมการ
ส่วนประเด็นการให้ความเป็นธรรม พล.ต.อ.วิสนุ ย้ำว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้เน้นย้ำให้คณะกรรมการ ทั้ง 2 ชุด ให้ดำเนินการตรวจสอบด้วยความตรงไปตรงมา และให้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนอื่นแบบคู่ขนานไปด้วย ซึ่งหากข้อเท็จจริงพบว่ามีพยานหลักฐานถึงข้าราชการตำรวจระดับไหนก็ตาม ให้ดำเนินการทั้งวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาด ในขณะเดียวกัน หากพบพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงข้าราชการหน่วยงานอื่น ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ ก็จะดำเนินการส่งข้อมูลผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง นี้ให้หน่วยงานนั้น เพื่อให้ดำเนินการต่อไป
ส่วน ที่ กองบังคบการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า สั่งให้ตำรวจทางหลวง 8 กองกำกับการทั่วประเทศรายงานเกี่ยวกับการเรียกรับส่วยในหน่วยตามข้อเท็จจริงภายในระยะเวลา 5 วัน ภายหลังมีชื่อตำรวจปรากฎออกมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง หากไม่รายงานตามข้อเท็จจริง รู้ภายหลังสั่งย้ายทันทีไม่ละเว้น
ส่วนกรณีมีการพาดพิงถึงภรรยานายตำรวจคนหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เข้ามาพัวพันกับส่วนสติกเกอร์โดยเป็นคนกลางรับเคลียร์นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้วอยู่ระหว่างตรวจสอบ รวมถึงจะประสานสมาพันธ์รถบรรทุกนำข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ เข้ามาเพิ่มเติม แต่ตำรวจต้องทำตามพยายานหลักฐาน หากพบกระทำความผิดจริงก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย
กรณีที่นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์สื่อช่องหนึ่งเชื่อมโยงไปถึงสถานีทางหลวงเกรด เอ 7 สถานนี หรือ 7 อรหันต์โรงพักเกรดเอนั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะไม่มีมูลความจริงทั้งหมด หากจะกล่าวหาว่าตำรวจใช้เส้นสาย ก็ต้องตรวจสอบทั้งองค์กรไม่ใช่เจาะจงไปที่หน่วยใดหน่วยหนึ่ง ยืนยันว่าหากพบตำรวจคนไหนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินคดีตามกฎหมาย อละสั่งย้ายอย่างแน่นอน พร้อมเข้ามาเปลี่ยนแปลงกองบังคับการตำรวจทางหลวงให้ขาวสะอาดมากขึ้น ส่วนภาคประชาชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากพบเข้ามามีส่วนร่วมก็จะดำเนินคดีด้วยเช่นกัน
สั่ง ตร.ทั่วประเทศกวดขันจับกุม-ห้ามรับส่วยรถบรรทุก
ในวันเดียวกันนี้ พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในบันทึกข้อความที่ 0007.34/2122 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2566 เรื่องให้บังคับใช้กฎหมาย กวดขัน และจับกุมการกระทำผิดของรถบรรทุก ถึงรองผบ.ตร. จตช. หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือผู้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่า เพื่อทราบ ผบช.น. ภ.1-9 ก. จตร.(หน.จต.) สทส. และ สยศ.ตร. ใจความว่า
ตามที่มีการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนอย่างแพร่หลาย กรณีที่ผู้ประกอบการรถบรรทุก ขนส่งสินค้ากระทำความผิดกฎหมาย โดยบรรทุกเกินกว่าน้ำหนักบรรทุกที่กฎหมายกำหนดและใช้สติ๊กเกอร์ รูปต่างๆ ติดหน้ารถบรรทุกเพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าได้จ่ายผลประโยชน์ในรูปแบบ “ส่วยสติ๊กเกอร์” ให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมิให้ถูกจับกุม นั้น เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายและอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในเรื่องดังกล่าว เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถป้องกันอุบัติเหตุและป้องกันสภาพถนนเสียหาย ตลอดจนเพื่อสร้าง ความเชื่อมั่นแก่ประชาชน จึงให้ดำเนินการ ดังนี้ 1.ให้บังคับใช้กฎหมายเพื่อมุ่งเน้นการป้องกันอุบัติเหตุและผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้รถ ใช้ถนน โดยตั้งจุดตรวจกวดขันวินัยจราจร จับกุมการกระทำผิดของรถบรรทุกในข้อหาบรรทุกน้ำหนักเกินกว่า ที่กฎหมายกำหนด เดินรถบรรทุกในเวลาห้าม นำรถที่เครื่องยนต์ก่อให้เกิดก๊าซ ฝุ่น ควัน ละอองเคมี หรือเสียง เกินเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดมาใช้ในทางเดินรถ รวมทั้งการกระทำความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องอันเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อ การเกิดอุบัติเหตุโดยเคร่งครัด
2.การตั้งจุดตรวจให้ถือปฏิบัติตามหนังสือ ตร. ที่ 0007.34/681 ลง 3 มี.ค. 64 เรื่อง มาตรการปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งจุดตรวจเพื่อบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบกและความผิดอื่น ที่เกี่ยวกับรถหรือการใช้ทาง และหนังสือ ตร. ด่วนที่สุด ที่ 0007.22/438 ลง 2 ก.พ. 66 เรื่อง กำชับ การปฏิบัติเกี่ยวกับการตั้งด่านตรวจ จุดตรวจ และจุดสกัด โดยเคร่งครัด 3.ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เรียก รับ หรือยอมรับผลประโยชน์โดยมิชอบ จากผู้ประกอบการ รถบรรทุกหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อละเว้นไม่ดำเนินการจับกุม โดยเฉพาะรถบรรทุกที่ใช้สติ๊กเกอร์ติดหน้ารถ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงว่าได้มีการจ่ายผลประโยชน์ให้แก่เจ้าหน้าที่ตามที่เป็นข่าว และ ห้ามมิให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการอำนวยความสะดวก ช่วยเหลือหรือสนับสนุน กับการเรียกรับผลประโยชน์ และการกระทําความผิดในกรณีดังกล่าว 4.ให้บูรณาการความร่วมมือกับ กรมการขนส่งทางบก กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายตามข้อ 1 เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
5.ให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อไม่ให้เกิดข้อบกพร่อง โดยสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ให้มีการทุจริตจากการปฏิบัติหน้าที่หรือเรียกรับ ผลประโยชน์ในรูปแบบส่วยสติ๊กเกอร์หรือรูปแบบอื่นๆ โดยเด็ดขาด และกำชับให้ถือปฏิบัติตามคำสั่ง ตร. ที่ 1212/2537 ลง 1 ต.ค.37 อย่างเคร่งครัด หากพบข้อบกพร่องให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการตาม อำนาจหน้าที่ทั้งทางอาญา ทางวินัยและทางปกครองตามควรแก่กรณี พร้อมทั้งรายงานผลให้ ตร. ทราบโดยเร็ว
6.กรณีที่มีการร้องเรียนผ่านระบบออนไลน์ของ จต. (www.jcoms.police.go.th) และสายด่วน 1599 ของ ตร. ให้ จต. ติดตามผลการตรวจสอบและแจ้งผู้ร้องเรียนทราบ 7.ให้รายงานผลการปฏิบัติตามแบบฟอร์มที่แนบ ส่งให้ ตร. ทั้งนี้ให้ สทส. รวบรวมผลการปฏิบัติจาก ระบบ Crimes และ PTM ของแต่ละหน่วยให้ สยศ.ตร. (ผอ.) ทราบอีกส่วนหนึ่งด้วยโดยให้ สยศ.ตร. (ผค.) สรุปผลการปฏิบัติรายงาน ตร.ทุกเดือนภายในวันที่ 5 ของเดือนถัดไป เพื่อทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด