ป.ป.ช. รุกคดีขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะ หลังร้องเรียนพุ่ง เตือนพบจ้าหน้าที่รัฐมีเอี่ยวเอื้อประโยชน์เอกชนโดนโทษหนัก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 มิ.ย.2566 นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันพบเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวพันกับการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐในหลายคดีและหนึ่งในเรื่องที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาจำนวนมาก คือ การปล่อยให้มีการ ขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะโดยมิชอบ ซึ่งถือว่าเป็นการบุกรุกที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดยนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตน หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่เอกชนรายใดรายหนึ่งโดยมิชอบ ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ช. เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน หากล่าช้าจะทำให้เกิดการบุกรุกทำลายมากยิ่งขึ้น หลายกรณีมักจะมีเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาพื้นที่สาธารณะตามกฎหมายเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง โดยละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปล่อยให้เอกชนกระทำความผิด และบางครั้งพบว่าเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนร่วมดำเนินการบุกรุกเสียเอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นการกระทำผิดที่ละเมิดต่อกฎหมายอย่างร้ายแรง
สำหรับรูปแบบการกระทำผิดกรณีบุกรุกลำน้ำสาธารณะมีหลายรูปแบบ อาทิ การสมรู้กันเพื่อแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐโดยทุจริต มิได้มุ่งหมายแก้ไขปัญหาให้เป็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่เสนอของบประมาณ หรือพบว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีการตรวจสอบและควบคุมการขุดลอกคลองสาธารณะให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ตลอดจนอำนวยความสะดวกหรือปล่อยปละละเลยให้เอกชนกระทำการขุดหรือถมดินลงในลำน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นการกระทำผิดที่ขัดต่อระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ. 2547 และระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูแลรักษาและคุมครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผนดินสำหรับพลเมืองใช้รวมกัน พ.ศ. 2553 เป็นต้น
นายนิวัติไชย กล่าวว่า หากเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรุกล้ำลำน้ำสาธารณะแล้วต้องรับโทษตามกฎหมาย เช่น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท มาตรา 152 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท นอกจากนี้ มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
“แม้ว่ากฎหมายจะมีบทลงโทษในอัตราที่สูง แต่ปัจจุบันยังมีเรื่องร้องเรียนกรณีการขุด ลอก ถม รุกล้ำ ลำน้ำสาธารณะ เข้ามาที่สำนักงาน ป.ป.ช. เพิ่มมากขึ้น แสดงให้เห็นว่ามีคดีประเภทนี้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ดังนั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีนโยบายสั่งการให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน พร้อมทั้งยังฝากเน้นย้ำไปยังประชาชนในพื้นที่ หากพบการขุด ลอก ถม ลำน้ำสาธารณะโดยมิชอบ ขอให้แจ้งเบาะแสมาที่สำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อไป” นายนิวัติไชยระบุ