ปลัด ศธ.สั่งระงับงบจัดซื้อหนังสือเพิ่มวงเงิน 76 ล้านบาท ชี้ไม่มีความจำเป็น เร่งสอบข้อเท็จจริงปมซื้อหนังสือเรียนของ กศน.เดิมก่อนเป็นกรมส่งเสริมการเรียนรู้ให้เสร็จใน 15 วัน พร้อมแจงปมตั้ง 'คมกฤช' นั่งรักษาราชการแทนอธิบดี สกร.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 นายอรรถพล สังขวาสี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ปลัด ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่ตนได้ลงนามในหนังสือแต่งตั้ง นายคมกฤช จันทร์ขจร รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) เป็นรักษาราชการแทนอธิบดี สกร.นั้น กรณีนี้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ได้หารือกับตน ว่าขณะนี้การเบิกจ่ายเงินเดือนของบุคลากรในส่วนของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) เดิม มีปัญหาเนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนรหัสการเบิกจ่ายงบประมาณ จาก กศน. สำนักงานปลัด ศธ. มาเป็น สกร.ดังนั้น จึงต้องมีการแต่งตั้งรักษาราชการแทนอธิบดี สกร.ขึ้น เพื่อมาดำเนินการเรื่องดังกล่าว เพราะหากจะตั้งข้าราชการระดับ 10 มารักษาราชการแทนอธิบดี สกร.ก็จะต้องเสนอชื่อเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบกับเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการ ศธ.จึงยังไม่อยากนำเรื่องการแต่งตั้งบุคคลเสนอให้ ครม.พิจารณา
“น.ส.ตรีนุช มองว่าการเสนอชื่อแต่งตั้งข้าราชการระดับ 10 เข้า ครม.ในขณะนี้อาจจะยังไม่เหมาะสม เพราะโดยหลักการแล้วควรต้องให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ ในการดำเนินการ ดังนั้น จึงขอให้แต่งตั้งนายคมกฤช รักษาราชการแทนอธิบดี สกร.ไปพลางๆ ก่อน เพื่อให้มาแก้ปัญหาในส่วนของงบเงินเดือนให้บุคคลกร ส่วนกระบวนการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีมีการเปลี่ยนแปลงงบกิจกรรม มาใช้ในการจัดซื้อหนังสือเรียนนั้น ก็ยังต้องดำเนินการสืบข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้ ผมเองมีข้อกังวลใจ ในส่วนของการใช้งบประมาณ และยังคงไม่ยกเลิกคำสั่งระงับการใช้งบประมาณ จำนวน 76 ล้านบาท ในส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลง มาใช้จัดซื้อหนังสือเรียน ส่วนงบปกติอื่นๆ ยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ ส่วนที่นายคมกฤช มีข้อเสนอว่า จะนำงบดังกล่าวไปใช้ในการจัดกิจกรรมที่เหมาะให้บุคคลากรนั้น ก็คงต้องรอดูความเหมาะสมของโครงการที่จะเสนอมา แต่ขณะนี้ยังขอระงับไว้ก่อน จนกว่าการสืบหาข้อเท็จจริงจะมีความชัดเจน เพื่อให้เกิดความโปร่งใสตรวจสอบได้ และให้ภาคสังคมเกิดความมั่นใจ ถึงความโปร่งใส ในการทำงานของ ศธ.” นายอรรถพล กล่าว
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามการแต่งตั้ง ผู้ที่ถูกกล่าวหามานั่งในตำแหน่งรักษาราชการแทนอธิบดี สกร.นั้น รัฐมนตรีว่าการ ศธ เองก็มีความไม่สบายใจ แต่ประเด็นที่สรุปตรงกันคือ การแต่งตั้งอธิบดี สกร.ควรเป็นเรื่องของรัฐบาลหน้า ซึ่งคงต้องเป็นการแต่งตั้งตัวจริงเข้ามาทำงานเลย ไม่ควรตั้งรักษาราชการแทนแล้ว ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตั้งข้าราชการระดับ 9 เข้ามารักษาราชการแทนไปก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเรื่องการเบิกจ่ายเงินเดือน อีกทั้งยังถือว่าอยู่ในกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงยังไม่มีความผิด ส่วนที่นายคมกฤช ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าว เกิดขึ้นก่อนที่นายคมกฤช จะมารับตำแหน่งเลขาธิการ กศน.นั้น ก็ต้องรอผลการสอบข้อเท็จจริง ตนให้อิสระคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงในการดำเนินการ
“ในส่วนของการสืบสวนข้อเท็จจริง เชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะตั้งผู้ตรวจราชการ ศธ.ซึ่งถือเป็นคนนอกมาเป็นคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง แต่ที่ยังมีความกังวลคือ การดำเนินการถ่ายโอนภารกิจจาก กศน.มาเป็น สกร.เพราะกฎหมายแม่ที่ใช้อยู่ขณะนี้คือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 ขณะที่ พ.ร.บ.ส่งเสริมการเรียนรู้ พ.ศ.2566 ยกร่างขึ้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. .... ฉบับใหม่ ที่ค้างอยู่ในสภาฯ เท่ากับว่า กฎหมายที่จะเดินหน้าต่อ ไม่มีความสอดคล้องกัน ขณะที่ ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) และมติ ครม.ไม่ให้มีการตั้งหน่วยงานใหม่ ดังนั้น เมื่อมีการตั้ง สกร.ขึ้นมา ก็อาจขัดต่อมติ ครม.และระเบียบ ก.พ.ฉบับดังกล่าว ดังนั้น สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ หารือไปยัง ก.พ.เพื่อขอความเห็น และเสนอ ครม.ปรับแก้มติ ครม.และระเบียบ ก.พ.อีกครั้ง ซึ่งเรื่องทั้งหมด คงต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการเพื่อให้การจัดตั้ง สกร.เป็นไปตามกฎหมายต่อไป” นายอรรถพล กล่าว