สำนักงาน ป.ป.ช. สงขลา เผยความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สุนทร จันทร์งาม' อดีตนายกอบต.ท่าโพธิ์ อำเภอสะเดา สงขลา ทุจริตโครงการขุดลอกสันดอนทรายคลองอู่ตะเภา - คลองหลำ ให้ผู้รับจ้างดูดทรายโดยไม่ชอบ หลีกเลี่ยงไม่เปิดโอกาสให้มีการเสนอราคาเป็นธรรม ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบ ภาค 9 พิพากษาลงโทษ 12 ปี 16 เดือน พวก 1 ราย ไม่เคยทำผิดมาก่อน อายุ 20 ปีเศษ ให้รอการลงโทษ 2 ปี คุมประพฤติด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา แถลงผลการดำเนินงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไตรมาสที่ 1 – 2 ถึงความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายสุนทร จันทร์งาม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา กับพวก ดำเนินการโครงการขุดลอกสันดอนทรายคลองอู่ตะเภา และคลองหลำ โดยสมรู้กันเพื่อแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรของรัฐโดยทุจริต มิได้มุ่งหมายแก้ไขปัญหาให้เป็นตามวัตถุประสงค์ของโครงการ ไม่ตรวจสอบและควบคุมการขุดลอกคลองตามโครงการดังกล่าว กลับให้ผู้รับจ้างดำเนินการดูดทรายโดยไม่ชอบด้วยระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ. ๒๕๔๗ และหลีกเลี่ยงไม่เปิดโอกาสให้มีการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมในการดำเนินโครงการดังกล่าว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 9 มีคำพิพากษาว่า การกระทำของนายสุนทร จันทร์งาม จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 อันเป็นการกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง
การกระทำของนายธนาคม ขุนโหร จำเลยที่ 2 เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 อันเป็นการกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้เรียงกระทงลงโทษทุกกรรมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน และปรับ 24,000 บาท รวม 4 กระทง
ทั้งนี้ ในทางนำสืบของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้จำเลยทั้ง 2 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 12 ปี 16 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 ปี 10 เดือน 20 วัน และปรับ 64,000 บาท
ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 เคยกระทำความผิดและถูกจำคุกมาก่อน และกระทำความผิดเมื่อมีอายุ 20 ปีเศษ จึงให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 กำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติภายในกำหนดดังกล่าว
สำหรับพฤติการณ์การกระทำความผิดในคดีนี้ นายสุนทร จันทร์งาม ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ เป็น ผู้เสนอโครงการขุดลอกสันดอนทรายคลองอู่ตะเภาและคลองหลำ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และการสัญจรขององค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย ภัยแล้ง และการสัญจร โดยให้ผู้รับจ้างนำวัสดุ (กรวด หิน ดิน ทราย) ที่ได้จากการขุดเป็นค่าตอบแทน มีนายธนาคม ขุนโหร เป็นผู้รับจ้างและเป็นผู้จัดทำรายละเอียดตามโครงการเสนอให้นายสุนทร จันทร์งาม ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ลงนามอนุมัติ โดยที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนกระบวนการของส่วนราชการภายในองค์การบริหารส่วนตำบลและที่ประชุมองค์การบริหารส่วนตำบล ประกอบกับการดำเนินการจัดจ้างขุดลอกตามโครงการมิได้มีการปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2535 กล่าวคือไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างหรือตรวจสอบปริมาตรของดิน หิน กรวด ทราย ที่ได้จากการขุดลอกและผู้รับจ้างก็มิได้ส่งมอบงานจ้างทั้ง ๆ ที่ได้ทำสัญญาจ้างขุดลอกกับองค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์จำนวนหลายครั้งด้วยกัน
นอกจากนี้ในการดำเนินงานของผู้รับจ้างนั้นก็ได้ดำเนินการขุดลอกโดยใช้เครื่องดูดทรายวางไว้บนทุ่นเรือแพแล้วทำการดูดทรายอยู่ที่จุดเดิมโดยไม่ได้เคลื่อนย้ายไปยังจุดอื่นเลยอันมิใช่ลักษณะของการขุดลอกสันดอนทรายเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยภัยแล้งและการสัญจรให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่องค์การบริหารส่วนตำบลท่าโพธิ์ได้กำหนดไว้ ทั้งการขุดลอกดังกล่าวก็มิได้เป็นไปตามตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการเกี่ยวกับการขุดลอกแหล่งน้ำสาธารณประโยชน์ที่ตื้นเขิน พ.ศ. 2547 และเงื่อนไขในการอนุญาตที่กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีได้กำหนดไว้ว่าให้ใช้รถแบคโฮขุดลอกเท่านั้น