เทศบาลนครอุบลฯ ออกคำสั่งไล่ออกราชการ 3 พนง. เอี่ยวคดีตัดถนนผ่านที่ดิน ‘รจนา กัลป์ตินันท์’ อดีตนายกเทศฯ หลังโดน ป.ป.ช.ชี้มูลผิดวินัยร้ายแรง กรณีทุจริตควบคุม/ตรวจรับงาน ก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กคันไม่ครบถ้วนถูกต้องตามแบบรูปรายการข้อกำหนดในสัญญาจ้าง - แต่ยังมีสิทธิอุทธรณ์/ฟ้องร้องศาลปค.โต้แย้งได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา เทศบาลนครอุบลราชธานี ได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกราชการพนักงานเทศบาล จำนวน 3 ราย คือ นายประสิทธิ์ สิทธิคุณ วิศวกรโยธา ระดับชำนาญการ นายศิริพงศ์ ศรีพร วิศวกรโยธา ระดับชำนาญการ นายวรวิทย์ หลาทอง นักบริหารงานช่างระดับต้นของสำนักช่าง เทศบาลนครอุบลราชธานี กระทำผิดวินัยกรณีได้รับคำสั่งให้เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้าง /เป็นคณะกรรมการตรวจการจ้าง ได้ตรวจรับงานจ้างโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กบริเวณบ่อบำบัดน้ำเสียของเทศบาลฯ ปรับปรุงเสริมคันบ่อบำบัดน้ำเสียพร้อมผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก และก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กคันบ่อบำบัดน้ำเสียเชื่อมคลองบูรพา เมื่อปี 2555 - 2556 โดยมิชอบและทุจริต เนื่องจากงานก่อสร้างไม่ครบถ้วนถูกต้องตามแบบรูปรายการละเอียดและข้อกำหนดในสัญญาจ้างทำให้เทศบาลนครอุบลราชธานีได้รับความเสียหาย
ภายหลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลและไม่ทบทวนมติแจ้งเป็นความผิดฐานกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่ควรได้และฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง ขณะที่ คณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดอุบลราชธานี ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2566 ลงโทษไล่ พนักงานเทศบาลทั้ง 3 ราย ออกจากราชการ พร้อมเปิดโอกาสให้อุทธรณ์คำสั่งลงโทษภายในสามสิบวันนับแต่วันทราบคำสั่ง พร้อมทั้งยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองอุบลราชธานีภายในเก้าสิบวันเพื่อโต้แย้งคำสั่งหรือคำวินิจฉัยอุทธรณ์ นับตั้งแต่วันรับแจ้งหรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์
นอกจากนี้ พนักงานเทศบาลทั้ง 3 ราย ยังมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองอุบลราชธานีได้ภายในเก้าสิบวันนับแต่วันที่ถูกลงโทษโดยไม่ต้องอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดอุบลราชธานี ตามมาตรา 101 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ.2566 เป็นต้นไป
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า กรณีโครงการปรับปรุงเสริมคันบ่อบำบัดน้ำเสียเชื่อมคลองบูรพา นั้น ก่อนหน้านี้ ในช่วงปี 2559 คณะกรรมการ ป.ป.ช. เคยเผยแพร่เรื่องกล่าวหาร้องเรียนที่อยู่ระหว่างดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งมีผู้ถูกกล่าวหาในกรณีนี้รวม 4 ราย ประกอบด้วย นางรจนา กัลป์ตินันท์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 , นายประพนธ์ โชควิวัฒนวนิช รองนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 , นายอาทิตย์ คูณผล ปลัดเทศบาลนครอุบลราชธานี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 และ นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต ส.ส.อุบลราชธานี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (สามีของนางรจนา กัลป์ตินันท์) ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4
โดยถูกร้องเรียนว่า เมื่อครั้ง นางรจนา กัลป์ตินันท์ ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ได้ร่วมกับพวกรวม 3 คน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ด้วยการร่วมกันดำเนินการโครงการปรับปรุงเสริมคันบ่อบำบัดน้ำเสีย พร้อมผิวจราจรคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) ที่มีห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) คูณดี เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นผู้รับจ้าง ตามสัญญาจ้างเลขที่ ทน.อบ.2/2556 ลว. 22 ตุลาคม 2555 วงเงิน 9,987,000 บาท และโครงการก่อสร้างถนน คสล. คันบ่อบำบัดน้ำเสียเชื่อมคลองบูรพา ตามสัญญาจ้างเลขที่ ทน.อบ.1/2556 ลว. 22 ตุลาคม 2555 วงเงิน 9,987,000 บาท โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อตัดถนนผ่านหน้าที่ดิน น.ส.3ก. เลขที่ 236 เนื้อที่ 27 ไร่ 2 งาน ของนางรจนา กัลป์ตินันท์ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้น เป็นเหตุให้ทางราชการได้รับความเสียหาย รวมเป็นเงิน 19,974,000 บาท
ต่อมามีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 11 พ.ค.2564 ได้ชี้มูลความผิด นางรจนา กัลป์ตินันท์ กับพวก ไปแล้ว ส่วนนายเกรียง กัลป์ตินันท์ ไม่ได้ถูกชี้มูลความผิดด้วย
โดย นางรจนา กัลป์ตินันท์ ถูกชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151,152,157 ส่วนนายประพนธ์ โชควิวัฒนวนิช และ นายอาทิตย์ คูณผล ปลัดเทศบาลนครอุบลราชธานี ข้อหาตกไป
ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาอีกจำนวนหนึ่ง ถูกชี้มูลความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด
เบื้องต้น ป.ป.ช. ได้มีการส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณาสั่งฟ้องคดีตามขั้นตอนทางกฎหมายแล้ว
อย่างไรก็ดี การชี้มูลความผิดในชั้น ป.ป.ช. เป็นเพียงกระบวนการขั้นต้น ยังเหลือในชั้นอัยการ และชั้นศาล คดียังไม่ถือว่าสิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดจึงถือว่าบริสุทธิ์อยู่
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน เทศบาลนครอุบลราชธานี มีนางสาวพิศทยา ไชยสงคราม ดำรงตำแหน่งเป็นนายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี โดยนางสาวพิศทยา เป็นลูกสะใภ้ของนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเป็นภรรยาของนายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ลูกชายของนายเกรียง กัลป์ตินันท์
สำหรับนายเกรียง กัลป์ตินันท์ ที่ไม่ได้ถูกชี้มูลความผิดในคดีนี้ ยังมีอีกหนึ่งสำนวนคดีที่อยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช.ในขณะนั้น