ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ เสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 ชี้ พ.ร.ก.เลื่อนใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ม.172 วรรคหนึ่ง ไม่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ต้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 ศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาคดีที่น่าสนใจ เรื่องพิจารณาที่ 11/2566 กรณี ส.ส.จำนวน 99 คน ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร เข้าชื่อเสนอความเห็นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร (ผู้ร้อง) ว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 (พ.ร.ก.เลื่อนใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ) ตราขึ้นเพื่อขยายกำหนดเวลาการมีผลใช้บังคับของ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ มาตรา 22, 23, 24, 25 จากเดิมที่ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 120 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือ วันที่ 22 ก.พ. 2566 แก้ไขเป็นให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 เป็นต้นไป
โดยอ้างเหตุผลความไม่พร้อมด้านงบประมาณ การจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ และขั้นตอนการปฏิบัติงานในการบังคับใช้ พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง ผู้ร้องจึงส่งความเห็นดังกล่าวเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคหนึ่ง
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 8 ต่อ 1 เสียง ซึ่งมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสี่ วินิจฉัยว่า พ.ร.ก.เลื่อนใช้ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ กรณีไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง และให้ พ.ร.ก.ยื้อ พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ไม่มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่ต้น (วันที่ 22 ก.พ. 2566) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม