'รวมไทยสร้างชาติ' ปักหมุด 'ศูนย์สิริกิติ์' ปราศรัยใหญ่ปิดท้าย 'พีระพันธุ์' ลั่นช้างป่วยต้องเป็นช้างศึก ไสทัพเลือกทั้ง 2 ใบ เหยียบผลโพลให้จมดิน ด้าน 'ประยุทธ์' ประกาศพร้อมทำต่อ ทำทันที ประกาศกร้าวต่อต้านการเปลี่ยนแปลงประเทศแบบพลิกแผ่นดิน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 12 พฤษภาคม 2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พรรครวมไทยสร้างชาติจัดปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย โดยมีบุคคลสำคัญทยอยขึ้นเวที อาทิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ของพรรค, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคและแคนดิเดนายกรัฐมนตรี, นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจ และม.ล.ชโยทิต กฤดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นต้น
@พีระพันธุ์: ปลุกช้างศึกเหยียบโพล
เวลา 18.45 น. นายพีระพันธุ์ขึ้นปราศรัยช่วงหนึ่งว่า อีก 2 วันเท่านั้นก็จะถึงวันเลือกตั้งแล้ว 40 วันนับแต่วันที่สมัคร ส.ส. พรรคลุยหาเสียงกันต่อเนื่อง ขอให้พี่น้องประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้เลือกพรรครวมไทยสร้างชาติทั้ง 2 ใบ
ทำไมต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็อยากจะบอกว่า พรรคเรากำเนิดจากพล.อ.ประยุทธ์ ที่ผ่านมาท่านผ่านช่วงที่สามารถเอาชนะโควิดได้ เพราะประเทศเรารวมไทยสร้างชาติกันมา ดังนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติคือสัญลักษณ์ของการพิชิตวิกฤตของประเทศ
"ทำไมผมต้องมาทำพรรคนี้ ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อก่อนการเมืองคือการเมือง ช่วยกันคิดสร้างสรรค์ประเทศให้เดินหน้า แต่วันนี้มีคนเข้ามาอาศัยการเมืองเป็นฐานในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ผมคนหนึ่งล่ะไม่ยอมให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ไม่ดี ผมไม่ให้ใครมาเปลี่ยนประเทศเป็นครอบครัวของพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง เราต้องเป็นครอบครัวประเทศไทย" นายพีระพันธุ์กล่าว
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า พี่น้องจะยอมให้ใครมาเปลี่ยนแปลงบ้านเราหรือไม่ บ้านหลังนี้ทาด้วยสีแดง ขาว น้ำเงิน พรรคจะไม่ยอมเปลี่ยนเป็นสีส้ม เหลือง แดง หรือสีใดๆเด็ดขาด ที่ทำพรรคนี้ เพราะเราต้องช่วยกันปกป้องประเทศ ชาติ บ้านเมืองของเรา
ดังนั้น วันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้เดินเข้าคูหาการเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็ปกป้องชาติบ้านเมืองได้แล้ว ขอให้ไปกันให้มืดฟ้ามัวดิน พาคนในครอบครัวไปทั้งบ้าน เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเลือกตั้ง แต่เป็นการปกป้องประเทศชาติ ส่วนผลงานที่ผ่านมา ทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ จะทำให้ดีกว่าเดิม
เศรษฐกิจของไทยต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เลิกเสียทีมือใครยาว สาวได้สาวเอา การศึกษาต้องสร้างคนไทยรุ่นใหม่ที่รักชาติ แผ่นดิน และสถาบันฯ ถ้าทุกท่านเห็นด้วย วันที่ 14 พ.ค.นี้ ช่วยกันสร้างบ้านเมือง
ส่วนแนวทางการเมือง จะนำความสามัคคีกลับสู่บ้านเมือง เลิกแบ่งสีแบ่งข้าง มีสีเดียวคือ สีธงไตรรงค์ และจะทำให้เม็ดส้มเม็ดเล็กๆกลางทะเล กลับมาสามัคคี ปรองดอง ร่วมพัฒนาแผ่นดิน
นายพีระพันธุ์กล่าวต่อว่า ช่วงที่เข้ามาพัฒนาพรรค ถูกครหาว่าทำเพื่อพล.อ.ประยุทธ์ ตอนนั้น ท่านยังไม่ตัดสินใจเลย แต่ถามสื่อมวลชนไปว่า แล้ว พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนดีไหม? ถ้าบอกว่าเป็นนั่งร้าน ถ้าเป็นนั่งร้านให้คนดีๆอย่างพล.อ.ประยุทธ์แล้วมันผิดตรงไหน?
ส่วนข้อครหาว่าขายไม่ออกแล้ว ไม่สนใจ ตนสนใจใครคือคนดี รักชาติ แผ่นดิน ใครทำทุกอย่างให้พี่น้องประชาชน สนใจแค่นั้น เพราะฉะนั้น ได้บอกกับเลขาพรรค (เอกนัฎ พร้อมพันธุ์) ว่า ทำของเราไป เชื่อเถอะวันไหน พล. อ.ประยุทธ์ลงการเมือง ท่านเลือกลงกับพรรคเราแน่นอน
"ขายออกไม่ออกไม่สำคัญ 30 ปีในชีวิต ไม่เคยเห็น เดินไปที่ไหนคนตั้งแต่เด็กจนแก่อายุ 90 ปี รุมล้อมถ่ายรูปเยอะแยะ นี่นะเหรอพรรคที่จะได้สส. แค่ 7 คนตามโพล ผมอยู่พรรคการเมืองมา 30 ปีไม่เคยเปลี่ยน วันนี้มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ไปปราศรัยที่ไหนก็มีแต่คนเรือนหมื่นมาต้อนรับ 14 พฤษภาคมนี้พวกเราจะเป็นช้างศึกปกป้องแผ่นดินไทย เราจะเป็นช้างศึกเหยียบพวกโพลเหล่านี้ให้จมดินไปเลย" นายพีระพันธุ์กล่าว
@ประยุทธ์: ทำต่อ ทำทันที ต้านเปลี่ยนประเทศแบบพลิกแผ่นดิน
ต่อมาเวลา 19.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นเวทีปราศรัย กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เอาใจมาฝาก เอาความรักมาให้ เอาความจริงใจมาเสนอ ทุกคนมารวมกันในวันนี้ด้วยจิตใจที่แข็งแกร่ง เราจะก้าวไปด้วยกัน บ้านเมืองต้องสงบ ปี 2562 ความสงบจบที่ลุงตู่ ปีนี้ก็จบที่ตนเหมือนกัน เราผ่านเวลายากลำบากมาหลายปี เราผ่านเวลาในช่วงเศรษฐกิจโลกตกต่ำ ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเดินหน้าอยู่
"ผมไม่ต้องการอะไรจากท่านเพราะหัวใจผมมอบให้ท่านไปหมดแล้ว ให้ทั้งหัวใจและร่างกายของผม ที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ เพราะต้องการจะให้ประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ประเทศไทยต้องไปต่อ ไปต่อด้วยความรักความสามัคคีด้วยความมุ่งมั่นด้วยความเข้มแข็งเอาชนะทุกอย่างทั้งตัวเองและสังคมและประเทศไทยทั้งหมด ผมตรวจร่างกายมาแล้วแข็งแรงทุกประการ เสี่ยงอย่างเดียวคือโรคหัวใจโต" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าเราไม่รักกัน สิ่งต่างๆที่ไม่ดีจะเกิดขึ้น ซึ่งเรายอมรับกันไม่ได้ คนทุกส่วนต้องแข็งแกร่ง สิ่งที่จะทำได้ ขึ้นกับมือทุกท่าน ตนรับฟังทุกอย่าง ยอมเหนื่อย ยอมเจ็บปวด เพื่อคนไทย (เสียงสั่นเครือ) ขอบคุณทุกคน ตนและทุกคนในพรรคคิดเหมือนกัน ต้องยอมรับประเทศไทยเปลี่ยนไปแล้ว แน่นอน คนจำนวนมาก 70 ล้านคน ยังมีคนลำบาก เดือดร้อน ต้องร่วมมือกันแก้ไขปัญหา สิ่งสำคัญคือ ความรักความสามัคคี ต้องทำให้ประเทศไทยไปต่ออย่างสงบที่สุด ตนไม่ใช่ศัตรูใคร ต้องให้อภัยกัน เพื่อให้ประเทศไทยไปข้างหน้า
"วันนี้ ผมมีอารมณ์นิดหนึ่ง ไม่ใช่โกรธ แต่ซึ้ง ที่ผมพูดวันนี้ ผมซาบซึ้ง ที่ฟังปราศรัยมา 1 ชม. วันนี้ผมไม่เสียใจที่ได้เป็นทหาร ปกป้องแผ่นดินผืนนี้มา ผมต้องการให้แผ่นดินนี้สันติสุข ปลอดภัย รัก สามัคคี ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกแผ่นดิน ไม่ได้ เพราะไม่รู้จะพลิกอะไรขึ้นมา ผมต้องรักคนให้มากขึ้นกว่าเดิม บางครั้งผมเจ็บปวดที่หลายคนไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่ได้รับวันนี้ คนให้กำลังใจผมมากกว่า เราจะไม่ถอยหลังกลับ จะไม่ยอมก้าวถอยหลังกลับอีก เราจับมือกัน ลากกัน อุ้มกันไปข้างหน้า อย่าอยู่กับที่ อย่าให้อะไรมารั้ง เราต้องเปลี่ยนไปในทางที่ดี เพิ่มความรัก สามัคคี เพื่อเราและลูกหลาน จะไม่ยอมให้ใครมาทำลายรากเหง้าเด็ดขาด" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีก
เห็นรอยยิ้มวันนี้ชื่นใจ ขออย่าปล่อยให้ตนสู้อยู่คนเดียว ต้องรวมใจปกป้องคุณค่าของความเป็นคนไทย เราไม่ได้ด้อยกว่าใคร ขอใจให้พรรครวมไทยสร้างชาติทั้งประเทศได้ใช่ไหม ร่วมมือกันเดิน การที่เข้ามาเป็นนักการเมืองเป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน เมื่อเจอคนในพรรค ก็มีแรงสู้ต่อว่าต้องทำให้ได้ เพราะวันนี้เราทำแล้ว ทำอยู่ ทำต่อ และทำทันที
"ขอให้ท่านเลือก ส.ส.ให้มากที่สุด โดยเฉพาะเขต แต่ถ้าเลือกไม่มากพอ ก็ไม่สามารถมายืนตรงนี้ได้ จะคิดถึงกันบ้างไหม เพราะผมคิดถึงท่านเสมอ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกตอน