ป.ป.ช. เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'จักรพงษ์ ขุนพลนาควาส' อดีตนายก อบต.ชุมตาบง นครสวรรค์ จัดซื้อครุภัณฑ์ 5 รายการ โดยวิธีตกลงราคาไม่เป็นไปตามระเบียบ ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 2 พิพากษาลงโทษจำคุก 5 ปี พร้อมพวก 2 ราย แต่ได้รอลงอาญา - ส่วนปลัดฯ ไม่รอด เหตุมีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่งบประมาณกลับกระทำความผิดเสียเอง ราชการจัดซื้อไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายจักรพงษ์ ขุนพลนาควาส อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ชุมตาบง จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก คือ จ่าสิบตำรวจกานต์พงศ์ เกษมสิทธิ์พงศา หรือ กานต์รอดเกษม นายนพวิทย์ มัทกิตปภาดา นายราเชนทร์ กลั่นเกษตรวิทย์ จัดซื้อครุภัณฑ์จำนวน 5 รายการ โดยวิธีตกลงราคาไม่เป็นไปตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการพัสดุของหน่วยการบริหารราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2535
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาดังนี้
1. นายจักรพงษ์ ขุนพลนาควาส จำเลยที่ 1, จ่าสิบตำรวจกานต์พงศ์ เกษมสิทธิ์พงศา หรือ กานต์รอดเกษม จำเลยที่ 2 , นายนพวิทย์ มัทกิตปภาดา จำเลยที่ 3 และ นายราเชนทร์ กลั่นเกษตรวิทย์ จำเลยที่ 4 มีความผิดตามกฎหมาย
การกระทำของจำเลยทั้งสี่ เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท
ให้ลงโทษนายจักรพงษ์ ขุนพลนาควาส จำเลยที่ 1 จ่าสิบตำรวจกานต์พงศ์ เกษมสิทธิ์พงศา หรือ กานต์รอดเกษม จำเลยที่ 2 และนายราเชนทร์ กลั่นเกษตรวิทย์ จำเลยที่ 4 ตาม พ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 12 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามมาตรา 90
ให้จำคุกคนละ 5 ปี
2. ปรับนายจักรพงษ์ ขุนพลนาควาส จำเลยที่ 1 และ นายราเชนทร์ กลั่นเกษตรวิทย์ จำเลยที่ 4 คนละ 120,000 บาท
3. ลงโทษ นายนพวิทย์ มัทกิตปภาดา จำเลยที่ 3 จำคุก 3 ปี 4 เดือน ปรับ 80,000 บาท
ให้การรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท
4. นายจักรพงษ์ ขุนพลนาควาส จำเลยที่ 1 , นายนพวิทย์ มัทกิตปภาดา จำเลยที่ 3 และนายราเชนทร์ กลั่นเกษตรวิทย์ จำเลยที่ 4 ความเสียหายไม่ปรากฏร้ายแรง และครุภัณฑ์ดังกล่าวยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน ไม่ปรากฏว่าเคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสได้อยู่ในสังคมต่อไป
จึงให้รอการลงโทษ จำคุกคนละ 2 ปี
ส่วนจ่าสิบตำรวจกานต์พงศ์ เกษมสิทธิ์พงศา หรือ กานต์รอดเกษม จำเลยที่ 2 กระทำความผิดโดยอาศัยโอกาสที่ดำรงตำแหน่งปลัดฯ มีหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่งบประมาณกลับกระทำความผิดเสียเอง ทำให้ราชการจัดซื้อครุภัณฑ์ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม ไม่มีเหตุสมควรรอการลงโทษจำเลยที่ 2
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2566 เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วน พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 ระบุว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ มีความผิดฐานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปี ถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท