'กระทรวงดีอีเอส' แถลงรับยังจับ 9Near ไม่ได้แต่ล็อกเป้าไว้แล้ว เผยเพราะเป็นทหารอาจต้องมีการทำเรื่องขอต้นสังกัด ยากกว่าจับประชาชน ส่วน สอท.แจงผู้ต้องหาเป็นทหารในสังกัดด้านยานพาหนะไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยี ยังไม่ชัดมีข้อมูล ปชช.ครบ 55 ล้านหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมหรือว่ากระทรวงดีอีเอส นายนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)ได้แถลงข่าวร่วมกับพล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) ถึงกรณีแฮคเกอร์ 9Near ที่ขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลคนไทยจำนวน 55 ล้านคน
โดยนายชัยวุฒิกล่าวว่าแม้ว่าตอนนี้ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามา แต่ก็ได้มีการล็อกเป้าไว้แล้ว ซึ่งต้องขอฝากไปยังแฮคเกอร์ หรือผู้กระทำความผิดไม่ว่าจะทำไปเพื่ออะไร หากกระทำอยู่บนแผ่นดินไทย ไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลอะไร เราจับคุณได้แน่นอน และขอยืนยันไปยังประชาชนรัฐบาลมีมาตรการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล ขอให้มีความมั่นใจว่าระบบสามารถคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนได้ หน่วยราชการใดยังมีช่องโหว่ในการเก็บข้อมูล กระทรวงและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้พยายามไปพูดคุยเพื่อหาทางแก้ไขปิดช่องโหว่ ขอให้ทุกหน่วยงานพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์และการจัดเก็บข้อมูลตามมาตรฐานที่กำหนดไว้
นายชัยวุฒิกล่าวต่อไปว่าการเปิดเผยข้อมูลว่าข้อมูลหลุดจากที่ใดเราจะต้องตรวจสอบอย่างรอบคอบ ส่วนที่กล่าวว่ามาจากบริการหมอพร้อมนั้นหมอพร้อมถือเป็นแพลตฟอร์มที่มีอยู่จำนวนมาก แต่ยังไม่สามารถฟันธงไปได้ว่าเกิดจากหน่วยงานใด อย่างไรก็ดีถือว่า การกระทำความผิดถือว่าทำสำเร็จแล้ว ไม่ว่าใครนำข้อมูลออกไปและเอาไปใช้ต่อถือเป็นการกระทำความผิด
ขณะที่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ด้กล่าวว่าคาดว่ามูลเหตุจูงใจก็คือการนำข้อมูลไปขายมิจฉาชีพ เอาไปทำประโยชน์ในทางไม่ชอบ หรือไปหลอกขายข้อมูลก็ได้ หรืออาจจะเพื่อดิสเครดิตหน่วยงาน เป็นความคึกคะนองก็ได้ ยังไม่ชัดเจนว่าขายข้อมูลให้ใครบ้าง เพราะแรงจูงใจของผู้กระทำความผิดนั้นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปได้ตลอดเวลาจากที่ตอนแรกบอกว่าจะเปิดเผยข้อมูล หลังจากนั้นพอมีบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้าไปทัก ก็กลายเป็นการพูดในลักษณะข่มขู่ และต่อมาก็เปลี่ยนเป็นว่าจะเปิดเผยตัวสปอนเซอร์ซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีความขัดแย้ง และหลอกลวงเขาแทน ดังนั้นเราต้องได้ตัวเขาและสอบปากคำเขาก่อน แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถรู้ได้ ซึ่งตอนนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ก็ได้มีการมอบหมายให้ทำหนังสือสอบถามไปหน่วยงานทหารต้นสังกัดแล้ว พร้อมทั้งสอบถามว่ายังรับราชการอยู่หรือไม่ เพื่อให้ส่งตัวมาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนต่อไป แต่ว่า ณ เวลานี้เบื้องต้นทราบว่าผู้ต้องหาได้ปิดโทรศัพท์ไปแล้วและไม่สามารถติดต่อได้แต่อย่างใด
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สอท.กล่าวต่อไปถึงตัวตนของผู้ต้องหาว่าพบว่าเป็นทหารยศจ่าสิบโท ซึ่งมีความรู้ในด้านคอมพิวเตอร์เยอะพอสมควร แต่อย่างไรก็ตามหน่วยงานต้นสังกัดของทหารคนดังกล่าวนั้นเกี่ยวข้องกับยานพาหนะ ไม่เกี่ยวกับเทคโนโลยีแต่อย่างใด และตอนนี้ก็ยังไม่ทราบด้วยว่าตัวผู้ต้องหานั้นมีข้อมูลครบ 55 ล้านคน ครบถ้วนตามที่พูดจริงหรือไม่ หรืออาจจะเป็นการพูดเพื่อดึงดูดความสนใจก็เป็นไปได้
ส่วนสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ ระบุว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ 14 มีนาคม ซึ่งหลังจากเกิดเรื่อง ทางสำนักงานฯ ก็ได้มีการติดตามในเรื่องของปัญหารั่วช่องโหว่ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อย่างไรก็ตามคงต้องให้มีการได้ตัวผู้ต้องหาเสียก่อนจึงจะมีความกระจ่างในประเด็นเรื่องช่องโหว่ดังกล่าวว่ามาจากตรงไหน
"ข้อมูลที่มีการหลุดออกไปซึ่งเกี่ยวกับข้อมูลประชาชน 55 ล้านคนนั้นพบว่าเป็นข้อมูลทั่วไปพวกชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะรวบรวมมาจากหลายแหล่ง แต่ว่าก็คงต้องมีการนำตัวผู้ต้องหามาสอบสวนต่อไป จึงจะทราบรายละเอียดในส่วนนี้"เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติระบุ
“ขอยืนยันว่ากรณีข้อมูลที่รั่วไหลนั้น ตรงนี้เรามีกฎหมายเรื่องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือว่า PDPA อยู่แล้ว และถ้าหากมีปัญหาเรื่องข้อมูลรั่วไหล เจ้าหน้าที่หน่วยงานนั้นจะต้องแจ้งข้อมูลมาว่ามีปัญหาเรื่องการรั่วไหลต้องมีการดำเนินการตามหลักความปลอดภัยทางไซเบอร์ ถ้าหากไม่แจ้งก็มีความผิด มีโทษปรับ” นายชัยวุฒิกล่าวและย้ำว่ากรณีนี้นั้นขอเรียนว่าแม้ยังไม่ได้ตัวผู้ต้องหามา แต่ว่าก็สามารถล็อกเป้าผู้ต้องหาได้แล้วและอยู่ในระหว่างการนำตัวมาสอบสวนต่อไป โดยเฉพาะในประเด็นว่ารวบรวมข้อมูลมาจากที่ไหนบ้าง ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าเนื่องจากผู้ต้องหาเป็นทหารจึงทำให้ต้องมีกระบวนการถึงต้นสังกัดยากกว่าการติดตามจับประชาชนทั่วไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 7 เม.ย. มีรายงานข่าวจากทาง บช.สอท. ระบุว่าสามารถจับกุมตัวแฮคเกอร์คนดังกล่าวได้แล้ว โดย บช.สอท.อ้างว่าทางหน่วยงานทหารต้นสังกัดของทหารนายดังกล่าวทราบเรื่อง ทางผู้บังคับบัญชาจึงได้นำมามอบตัวกับพนักงานสอบสวน ตั้งแต่วันที่ 5 เม.ย.
บช.สอท.เผยแฮคเกอร์ 9Near เป็นทหารยศสิบเอก ทบ. ล่าสุดต้นสังกัดนำมามอบตัวแล้ว