'ป.ป.ช.' มีมติชี้มูลความผิด อดีตปลัด อบต.ห้วยร่วม อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ กับพวก เรียกรับเงิน 4-8 แสนจากผู้สมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการที่ อบต.โตนด จ.สุโขทัย อ้างช่วยเหลือเข้ารับราชการได้
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการแถลงข่าวโดยมีนายภูเทพ ทวีโชติธนากุล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้แถลงข่าวพร้อมทั้งเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการดำเนินงานของ ป.ป.ช. มีใจความว่า
สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น ดำเนินการไต่สวนเบื้องต้นกรณีกล่าวหานางสาววราภัสร์ ลอยขจร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยร่วม อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการที่องค์การบริหารส่วนตำบลโตนด อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เพื่อเป็นการตอบแทนที่จะช่วยเหลือในการบรรจุเข้ารับราชการ
คณะไต่สวนเบื้องต้นได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ได้ความว่าเมื่อปี พ.ศ. 2558 องค์การบริหารส่วนตำบลโตนด อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ได้ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ เป็นพนักงานส่วนตำบล
โดยก่อนที่จะมีการประกาศรับสมัครสอบแข่งขันดังกล่าว นางสาววราภัสร์ ลอยขจร ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยร่วม ได้โทรศัพท์แจ้งให้นายจักรินทร์ นิลแพทย์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำร้อน ทราบว่าสามารถช่วยเหลือผู้เข้าสอบให้ได้รับ การบรรจุแต่งตั้งได้ โดยต้องเสียค่าตอบแทน
จากนั้นนายจักรินทร์ นิลแพทย์ ได้เรียกผู้กล่าวหา พร้อมกับพนักงานจ้างรายอื่น ๆ เข้ามาในห้องทำงานของนายจักรินทร์ นิลแพทย์ เพื่อแจ้งรายละเอียดเรื่องดังกล่าวให้ทราบว่าในการช่วยเหลือดังกล่าวนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 400,000 บาท สำหรับการบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลระดับ 2 โดยขึ้นบัญชีไว้ 1 ปี และ 600,000 บาท สำหรับการบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลระดับ 2 โดยไม่ต้องขึ้นบัญชี และ 700,000 บาท สำหรับพนักงานส่วนตำบลระดับ 3 โดยขึ้นบัญชีไว้ 1 ปี และ 800,000 บาท สำหรับพนักงานส่วนตำบลระดับ 3 โดยไม่ต้องขึ้นบัญชี
ต่อมาเมื่อผู้กล่าวหาได้ตกลงใจที่จะจ่ายเงินจำนวน 400,000 บาท ตามข้อเสนอดังกล่าวแล้ว และ ได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทย และในวันเดียวกันนั้นนางสาวเอติพากร ธรรมยม ผู้ช่วยเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยร่วม ได้นำใบถอนเงินไปถอนเงิน จำนวน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากดังกล่าวมาให้แก่นางสาววราภัสร์ ลอยขจร
ต่อมาผู้กล่าวหาได้สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบล ประจำปี 2558 ในตำแหน่งเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน ระดับ 2 และเมื่อการรับสมัครสอบได้เสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่าต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลโตนดประกาศยกเลิกการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบล ประจำปี 2558 ตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อผู้กล่าวหาได้ทราบการยกเลิกการสอบดังกล่าว ผู้กล่าวหา ได้ติดต่อนางสาววราภัสร์ ลอยขจร เพื่อพูดคุยเรื่องขอเงินคืน จนกระทั่งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2564 นางสาววราภัสร์ ลอยขจร ได้เดินทางนำเงินมาคืนผู้กล่าวหาด้วยตนเอง ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวิเชียรบุรี
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของนางสาววราภัสร์ ลอยขจร และนายจักรินทร์ นิลแพทย์ มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/4 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 175) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง นางสาวเอติพากร ธรรมยม มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 175)