ป.ป.ช.ภาค 6 ชี้มูลอดีตพลังงาน จ.อุตรดิตถ์ พร้อมพวกรวม 3 ราย มีเอี่ยวสั่งลูกจ้างพิมพ์เอกสารอนุมัติยืมเงิน 3 แสนบาททำโครงการอบรม งบปี 58 ไม่ตรงระยะเวลาอบรมจริง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 31 มี.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ภาค 6 ได้มีการเผยแพร่เอกสารแถลงข่าว มีรายละเอียดดังนี้
วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 นายวิวัฒน์ เจริญ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภาค 6 ในฐานะโฆษกสํานักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 แถลงข่าวผลการดําเนินงานด้านปราบปรามการทุจริต โดยเปิดเผยว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดในเรื่องที่สํานักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 ดําเนินการไต่สวน จํานวน 1 เรื่อง โดยมีรายละเอียด ดังนี้
กรณีกล่าวหา พลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ กับพวก ทุจริตเบิกจ่ายเงินค่าอาหารกลางวัน อาหารว่าง และเครื่องดื่มของผู้เข้าร่วมโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตรการผลิตบ่อหมักแก๊สชีวภาพ โดยมี
ผู้ถูกกล่าวหาดังต่อไปนี้
1. นายสัตยา อาจหาญ เมื่อครั้งดํารงตําแหน่งพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1
2. นายชัยสิทธิ์ สนิทไทย เมื่อครั้งดํารงตําแหน่งนายช่างเทคนิคปฏิบัติงาน ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2
3. นางสาวฉันท์ชนก โพธิ์จันทร์ เมื่อครั้งเป็นลูกจ้างสํานักงานพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3
จากกรณีการทุจริตดังกล่าว พบพฤติการณ์ในการกระทําความผิด ดังนี้
เมื่อกระทรวงพลังงานได้โอนจัดสรรเงินงบประมาณสําหรับใช้จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการหลักสูตรการผลิต บ่อหมักแก๊สชีวภาพ ในปีงบประมาณ 2558 ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นผู้ร่างแผนงานโครงการทั้งหมดซึ่งกําหนด จัดฝึกอบรมทั้งหมด 12 แห่ง แห่งละ 2 - 15 วัน และได้สั่งการให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จัดทํา พิมพ์เอกสารขอ อนุมัติโครงการ และรายละเอียดประกอบ เพื่อนําไปให้ผู้ถูกล่าวหาที่ 2 ลงนามในฐานะผู้เสนอและขออนุมัติ โครงการ จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงลงนามอนุมัติโครงการ
ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 และข้าราชการภายในสํานักงานพลังงานจังหวัด อุตรดิตถ์อีก 2 ราย ยืมเงินทดรองราชการจากงบประมาณโครงการ แล้วนํามามอบให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เพื่อเป็น ค่าใช้จ่ายในการจัดฝึกอบรม จํานวน 4 ครั้ง รวมเป็นเงิน 305,800 บาท (สําหรับค่าอาหารกลางวัน ค่าอาหารว่าง/ เครื่องดื่ม และค่าวิทยากร)
โดยให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 เป็นผู้จัดพิมพ์เอกสารขออนุมัติยืมเงิน พร้อมรายละเอียดประกอบ โดยการจัดฝึกอบรมในแต่ละพื้นที่ไม่เป็นไปตามวัน เวลา และสถานที่ รวมทั้งจัดฝึกอบรมไม่ครบจํานวนวัน ตามที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 อนุมัติโครงการ ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ทราบข้อเท็จจริงดังกล่าว แต่กลับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลการฝึกอบรมและชาวบ้านผู้เข้าร่วมฝึกอบรมลงชื่อในแบบรายชื่อไว้เพื่อเป็นหลักฐานว่ามีการจัดฝึกอบรมครบจํานวนวันตามที่กําหนดในโครงการ ซึ่งแท้จริงแล้วมีการฝึกอบรมเพียงแห่งละหนึ่งวันเท่านั้น
ภายหลังจากที่ได้จัดฝึกอบรมในแต่ละพื้นที่เสร็จ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้สั่งการด้วยวาจาให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 3 จัดทําเอกสารขออนุมัติส่งใช้เงินยืม และเอกสารประกอบการเบิกจ่าย อันมีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจํานวนวัน เวลา และสถานที่ ในการจัดฝึกอบรมไม่ตรงตามความจริง รวมทั้งสั่งการให้นักศึกษาฝึกงานของสํานักงานพลังงาน จังหวัดอุตรดิตถ์ในขณะนั้น ทําการปลอมแปลงลายมือชื่อบุคคล 3 ราย ในใบสําคัญรับเงินเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจว่า บุคคลทั้งสามเป็นผู้รับเงินค่าจัดทําอาหารกลางวัน อาหารว่างและเครื่องดื่ม จากสํานักงานพลังงานจังหวัดอุตรดิตถ์ ทั้งที่บุคคลทั้งสามมิได้รับเงินแต่อย่างใด จากนั้นผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงลงนามอนุมัติให้หักล้างเงินยืมทดรองราชการเต็มจํานวนเงินที่ยืมทั้ง 4 ครั้ง
โดยไม่เหลือเงินส่งคืน ทั้งที่ตนเองเป็นผู้ถือเงิน และทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่า เอกสารขออนุมัติส่งใช้เงินยืมทดรองราชการและเอกสารประกอบการเบิกจ่ายเงินโครงการ มีข้อเท็จจริง เกี่ยวกับจํานวนวัน เวลา และสถานที่ในการจัดฝึกอบรมอันเป็นเท็จ และมีการปลอมแปลงลายมือชื่อ เพื่อใช้ เป็นเอกสารหลักฐานประกอบในการที่ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้เบียดบังเงินค่าใช้จ่ายในส่วนค่าอาหารกลางวัน ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม ที่ได้รับมอบมาจากข้าราชการผู้ยืมเงินทดรองราชการทั้ง 3 ราย จํานวน 4 ครั้ง ไปเป็นของตนเองโดยทุจริต