‘แพทองธาร-เศรษฐา’ ให้สัมภาษณ์ก่อนขึ้นเวทีพิจิตร มั่นใจผู้สมัคร-นโยบายจะนำพาได้รับเลือกยกจังหวัด มองถูกจับผิดเยอะเป็นการเตือน ขอให้ดูยาวๆ ส่วนการสลัดคราบนักธุรกิจก่อนลงการเมือง เชื่อซ้ำรอย ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 11 มีนาคม 2566 ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร จ.พิจิตร นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย และนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนก่อนขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ในช่วงเย็นนี้
โดยนางสาวแพทองธาร ระบุว่า วันนี้จะแนะนำคุณเศรษฐาให้ประชาชนรู้จักมากขึ้น เพราะวันนี้ก็เป็นครั้งแรกที่นายเศรษฐาจะขึ้นเวทีปราศรัยครั้งแรกกับทีมงานของพรรค ส่วนเป็นการปราศรัยในนามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ วันนี้ฐานะของนายเศรษฐายังเป็นสมาชิกพรรค ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัว และประธานที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจเท่านั้น
ด้านนายเศรษฐา กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมในการปราศรัยครั้งแรก ต้องเข้าใจปัญหาของชาวบ้านก่อน และเรื่องที่จะปราศรัยไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นครั้งแรกที่จะได้พบกับประชาชนในเวทีใหญ่ ก็ขอให้คอยฟัง
เมื่อถามว่า ได้ปรึกษานางสาวแพทองธารอย่างไรบ้าง เพราะก็เจนเวทีแล้ว นายเศรษฐาตอบว่า ก็ให้กำลังใจ ค่อยๆพูดกัน เดี๋ยวมันก็ไหลมาเอง ลื่นเอง ส่วนที่เคยไปปาฐกถาตามเวทีเศรษฐกิจมา ก็ไม่รู้ว่าจะเหมือนหรือต่างกับการปราศรัยทางการเมือง ก็คนละโทนกัน
“การปราศรัยคงไม่มีมุกอะไร ก็ใช้ความจริงในการพูดกับประชาชน (หลังจากนี้จะมีการขึ้นเวทีอื่นๆหรือเปล่า) จะพยายามครับ คิดว่าน่าจะใช่” นายเศรษฐาระบุ
เมื่อถามว่า ในการเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐกวาดได้ทั้ง 3 เขต ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าจะได้พื้นที่หรือไม่ นางสาวแพทองธารตอบว่า มีความมั่นใจทั้งในตัวผู้สมัคร ส.ส. และนโยบาย ครั้งนี้ มั่นใจแต่ต้องให้ประชาชนกาเลือกเราทั้ง 3 เขต
@ไม่หวั่นซ้ำรอย ‘ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์’
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. แสดงความเห็นว่า นายเศรษฐาต้องทิ้งคราบนักธุรกิจให้ได้ก่อนจะมาทำงานการเมือง เพราะนักธุรกิจหวังผลกำไรมากกว่าผลประโยชน์ประชาชน นายเศรษฐาตอบว่า ขอบคุณ ถือเป็นคำเตือน ตนน้อมรับ แต่การที่เข้ามาการเมืองก็มีขั้นตอนการสลัดคราบนักธุรกิจออกไป ทั้งการลางานโดยไม่รับเงินเดือน หรือการโอนหุ้นให้ลูกสาวทั้งหมด ซึ่งก็ต้องดำเนินการเรื่องภาษีตามขั้นตอนทางกฎหมายอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องที่ตนแสดงความบริสุทธิ์ใจ ณ วันนี้ ต่อๆไปก็ขอให้ดูแล้วกัน
เมื่อถามอีกว่า หากสลัดคราบไม่หมด กลัวไหมว่าจะซ้ำรอยนายทักษิณ ชินวัตรและนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐาระบุว่า ตอบไปแล้ว ก้คงเป็นคำตอบที่ดีที่สุดแล้ว ระยะเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ ตนเพิ่งเข้ามายังไม่ได้เป็นอะไร ก็ให้เป็นขั้นตอนไป
ด้านนางสาวแพทองธาร เสริมในประเด็นนี้ว่า ทั้งพ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) และอา (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองอย่างมากมาย การที่ยังพูดถึงนโยบายเมื่อ 20 ปีที่แล้วได้ในทุกๆเวที แสดงว่านโยบายยังใช้ได้อยุ่ และวันนี้เราเติมเรื่องเทคโนโลยีลงไป นั่นคือตัวพิสูจน์ว่าประชาชนได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากพ่อและอา ที่เคยเป็นนักธุรกิจมาก่อน แต่อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของคน ก็พร้อมรับฟังเช่นกัน
ส่วนที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาระบุถึง“ขงเบ้ง” เป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้คำปรึกษานายเศรษฐาด้านเกมการเมือง นายเศรษฐาระบุว่า ก็คงอยากเตือนมา ก็น้อมรับไว้ ไม่ได้กังวลอะไร ตนเป็นนักธธุรกิจมา 30 ปี รู้จักคนเยอะ มองเป็นคำเตือนมากกว่า ส่วนจะสื่อสารกับนายชูวิทย์กลับไปหรือไม่ คงไม่ต้องทำอะไร ท่านเตือนมาก็รับฟังไว้
“การก้าวเข้ามาเป็นนักการเมืองจากการเป็นนักธุรกิจ จะบอกว่าไม่กลัวอะไรเลย คงไม่ใช่ ต้องยอมรับว่ามีความหวาดระแวง แต่ที่กลัวที่สุดคือ การไม่ได้ทำประโยชน์ให้พี่น้องประชาชนได้ การลงพื้นที่วันนี้ น่าจะเป็นบันไดขั้นหนึ่งที่จะทำให้เราได้เข้ามาบริหารประเทศ หวังว่าพี่น้องชาวพิจิตรจะเลือกยก 3 เขต” นายเศรษฐากล่าวช่วงท้าย
ที่มาภาพ: FB: Yingluck Shinawatra / FB: นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
อ่านประกอบ