‘ศาลปกครองกลาง’ สั่ง ‘ครม.-พวก’ ระงับ ‘โครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา’ มูลค่า 1.4 หมื่นล้าน เหตุมีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
...................................
เมื่อวันที่ 9 มี.ค. ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำที่ ส.88/2561 ระหว่าง เครือข่ายวางแผนและผังเมืองเพื่อสังคม ที่ 1 กับพวกรวม 12 คน (ผู้ฟ้องคดี) กับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ 1 กับพวกรวม 4 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการกระทำละเมิดอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย กรณีการดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 1.4 หมื่นล้าน
โดยศาลฯ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การดำเนินการครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาของ ครม. กับพวกรวม 4 เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงพิพากษาให้ระงับการก่อสร้างโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาของผู้ถูกพ้องคดีทั้งสี่ จนกว่าจะได้มีการดำเนินการตามข้อ 7 วรรคหนึ่ง (7) และวรรคสอง ข้อ 11 และข้อ 12 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ.2548
และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมหรือรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการดังกล่าว ตามที่รัฐธรรมนูญและกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมบัญญัติโดยครบถ้วน รวมทั้งเจ้าท่าอนุญาตให้ก่อสร้างสิ่งล่วงล้ำลำแม่น้ำได้ ตามกฎหมายว่าด้วยการเดินเรือในน่านน้ำไทย และอธิบดีกรมศิลปากรได้มีคำสั่งเป็นหนังสืออนุญาตให้ปลูกสร้างอาคารภายในบริเวณโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในบริเวณที่โครงการพาดผ่าน
ส่วนคำสั่งเกี่ยวกับคำขอวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาที่ห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 4 (กรุงเทพมหานคร) ดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เฉพาะในส่วนของแผนงานที่ 1 คือ ทางเดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ก่อนเป็นการชั่วคราว ให้ยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
สำหรับคดีนี้ ผู้ฟ้องคดี ฟ้องว่า เมื่อปี 2558 คณะรัฐมนตรี (ครม.) กับพวกรวม 4 คน (ผู้ถูกฟ้องคดี) ได้ดำเนินโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร กรอบวงเงิน 1.4 หมื่นล้านบาท โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชน และประชาชน อันเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสอง จึงนำคดีมาฟ้อง