CDC สหรัฐฯ เผยผลวิจัยวัคซีนบูสเตอร์รุ่นใหม่แบบไบวาเลนต์ อาจป้องกันโควิดโอไมครอบ XBB ได้ หลังล่าสุดสายพันธุ์ XBB.1.5 ระบาดในสหรัฐฯไปแล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะข้อมูลวิจัยไม่ทางการเผยผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ XBB ภูมิลดเร็วกว่าสายพันธุ์ย่อยชนิดอื่น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ว่ามีรายงานจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐอเมริกาหรือ CDC ระบุว่าการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดและวัคซีนบูสเตอร์นั้นถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมากในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ย่อยโอไมครอนต่างๆที่ถือว่ามีศักยภาพในการแพร่เชื้อสูง ในขณะที่โอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ที่เคยปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อเดือน ส.ค.นั้นพบว่าตอนนี้ครองส่วนแบ่งการระบาดในสหรัฐฯไปแล้วถึง 90 เปอร์เซ็นต์
โดยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ทางการระบุว่าการฉีดวัคซีนบูสเตอร์แบบไบวาเลนต์ซึ่งประกอบไปด้วยวัคซีนที่เน้นการป้องกันโควิดสายพันธุ์ดั้งเดิม ผสมกับวัคซีนป้องกันโควิดโอไมครอนที่เป็นสายพันธุ์หลัก พบว่าจะให้ภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าวัคซีนรุ่นใหม่ที่เน้นป้องกันโควิดโอไมครอนเพียงอย่างเดียว หรือที่เรียกว่าวัคซีนแบบโมโนวาเลนต์
ทั้งนี้ข้อมูลที่ถูกค้นพบล่าสุดโดย CDC แม้ว่าจะเป็นโอไมครอนคนละสายพันธุ์กัน แต่ว่าการฉีดบูสเตอร์ก็ยังคงจะสามารถป้องกันโควิดโอไมครอนในสายพันธุ์ย่อย XBB ได้
“พบว่ามีการป้องกันที่เพิ่มขึ้นหรือเพิ่มเติม จากการได้รับวัคซีนแบบไบวาเลนต์เหนือกว่าวัคซีนโมโนวาเลนต์ ” พญ.รูธ ลิงค์-เกลเลส ผู้เขียนงานวิจัยรายแรกกล่าว
อนึ่ง ความหน้าแน่นของโควิดโอไมครอนสายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 นั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2565 ที่ผ่านมา และคาดว่าในสัปดาห์นี้จะมีจำนวนผู้ติดเชื้อ XBB.1.5 คิดเป็นสัดส่วน 89.2 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าสัปดาห์ที่แล้ว 85.4 เปอร์เซ็นต์ และมากกว่าสองสัปดาห์ที่ผ่านมา 79.7 เปอร์เซ็นต์
โดยผลการวิจัยเบื้องต้นระบุว่า XBB.1.5 นั้นมีการกลายพันธุ์ที่น่ากังวลส่งผลทำให้มันสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายกว่าสายพันธุ์อื่น และอาจทำให้กลายเป็นสายพันธุ์ที่ระบาดที่ง่ายที่สุด ณ เวลานี้ด้วย แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ได้กล่าวว่าดูเหมือนว่าโควิดสายพันธุ์ดังกล่าวนั้นยังไม่ก่อให้เกิดโรคที่ร้ายแรงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามมีการศึกษาที่แยกออกไป ซึ่งยังไม่ผ่านกระบวนการทบทวนทางวิชาการพบว่าภูมิคุ้มกันโควิดนั้นลงไปในระยะเวลาแค่สามเดือน สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยติดโควิดสายพันธุ์ XBB ซึ่งการจางลงของภูมิคุ้มกันที่ว่านี้ถือว่าเร็วกว่าการติดสายพันธุ์อื่นๆมาก
ทางด้านของเจ้าหน้าที่ CDC ได้ให้ข้อมูลต่อไปว่าการฉีดวัคซีนสามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิตได้ถึง 13 เท่า เมื่อเทียบกับการไม่ได้ฉีดวัคซีน ขณะที่การฉีดวัคซีนบูสเตอร์ก็สามารถลดความเสี่ยงการติดเชื้อได้ถึง 2 เท่า