สภา ม.รามฯยกทีมตั้งโต๊ะแถลงย้ำ 'สืบพงษ์' เป็นผู้ขาดจริยธรรม พ้นเก้าอี้อธิการบดีแล้ว ตอนนี้อำนาจเป็นของ 'บุญชาล' รษก.ตามกฎหมาย ด้านนายกฯขอโทษที่เลือกคนผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าจากกรณีความขัดแย้งภายในรั้วมหาวิทยาลัยรามคำแหง ระหว่าง รศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ อธิการบดี และสภามหาวิทยาลัย ยังไม่ยุติ และทั้งสองฝ่ายต่างออกประกาศตอบโต้กันไปมา โดยต่างอ้างว่าตนมีอำนาจในการออกคำสั่ง ส่งผลให้ ม.ร.มีปรากฎการณ์มีอธิการบดี 2 คน สร้างความสับสนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ไม่น้อยว่าจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของใคร
ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2566 สภามหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้ตั้งโต๊ะแถลงการณ์เพื่อย้ำและแสดงความชัดเจนให้ข้าราชการ พนักงานมหาวิทยาลัย และลูกจ้างมหาวิทยาลัยทุกระดับปฏิบัติตามมติของสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง นำโดยนายวีระพล ตั้งสุวรรณ นายกสภามหาวิทยาลัยรามคำแหง
สภาฯได้มีการชี้แจงให้ทราบถึงความชัดเจนสำหรับการใช้อำนาจการปฏิบัติหน้าที่ของอธิการบดีตามกฎหมายในขณะนี้ ว่าเป็นของ ผศ.ดร.บุญชาล ทองประยูร ผู้อำนวยการสถาบันการศึกษานานาชาติ รักษาราชการแทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เนื่องมาจาก ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ เป็นผู้ขาดจริยธรรมต้องห้ามเป็นผู้บริหารด้วยสาเหตุ 3 ประการ คือ
1) ผศ.สืบพงษ์ ช่วยเหลือนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหาว่าเป็นผู้ร่ำรวยผิดปกติ ช่วยปกปิดทรัพย์สินและเมื่อถูกดำเนินคดี จนกระทั่งศาลฎีกาพิพากษาให้ยึดทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน แต่ ผศ.สืบพงษ์ กลับไม่แจ้งให้ ม.ร.ซึ่งเป็นต้นสังกัดทราบ ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามมติของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาพ.ศ. 2547 มาตรา39 วรรคสี่ และมาตรา 40
2) ผศ.สืบพงษ์ นำวุฒิการศึกษาปริญญาเอกที่ไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ)มาสมัครเป็นพนักงาน ม.ร. ตำแหน่งอาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์
3) ผศ.สืบพงษ์ ได้ยื่นหนังสือทูลเกล้าถวายฎีกาโดยบิดเบือนข้อเท็จจริง นั้น ในขณะที่สภาม.ร.มีมติถอดถอน ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ให้พ้นจากตำแหน่งอธิการบดีเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน2565 นั้น ผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ยังคงมีสถานะเป็นพนักงานของ ม.ร.
แต่เนื่องจาก ม.ร.ได้บอกเลิกสัญญาจ้างผศ.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ตั้งแต่ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2565 ก่อนที่ศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งทุเการบังคับตามมติของสภา ม.ร.ดังกล่าว
ผศ.สืบพงษ์ จึงไม่มีสถานะเป็นพนักงานหาวิทยาลัย ตำแหน่งอาจารย์ คณะศึกษาศาสตร์ รวมถึงไม่มีคุณสมบัติและสถานะใด ๆ รองรับให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้อีกต่อไป
นอกจากนี้ นายวีระพล ได้กล่าวว่า ตนได้รู้สึกผิดที่สนับสนุนและเลือกคนผิด ขอโทษทุกคนที่มีความห่วงใยต่อมหาวิทยาลัยอีกด้วย