เปิด 'มติ ครม.' สั่ง ‘คลัง’ เร่งรัดตรวจสอบคุณสมบัติผู้สิทธิได้รับ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ พร้อมปรับปรุงรูปแบบ ‘สวัสดิการฯ’ ให้แล้วเสร็จโดยด่วน ก่อนเสนออนุมัติภายในเดือน ก.พ.นี้ 'สศช.' แนะเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษี หาเงินทำสวัสดิการฯ
.......................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่ประชุม ครม. ได้หารือเกี่ยวกับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และเห็นว่าตามที่ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 1 ก.พ.2565 เห็นชอบการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 เพื่อปรับปรุงข้อมูลบุคคลผู้มีรายได้น้อยให้ถูกต้อง ครบถ้วน และเป็นปัจจุบันซึ่งจะทำให้การจัดสรรสวัสดิการสังคมของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นั้น
ดังนั้น เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐโดยเร็ว และกระทรวงการคลังสามารถดำเนินการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อการนี้ได้ทันตามแผนที่กำหนดไว้ในเดือน มี.ค.2566 ครม.จึงมีมติให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เร่งรัดการดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการแห่งรัฐที่ลงทะเบียนไว้แล้วให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งพิจารณาปรับปรุงรูปแบบสวัสดิการแห่งรัฐที่ผู้มีรายได้น้อยพึงได้รับให้เหมาะสม แล้วให้นำเรื่องนี้เสนอ ครม.โดยด่วนภายในเดือน ก.พ.2566
ทั้งนี้ โดยที่การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลถือเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ดังนั้น การประกาศรายชื่อหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้มีสิทธิได้รับสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าวให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถือปฏิบัติให้ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด โดยให้ผู้ที่ลงทะเบียนสามารถตรวจสอบข้อมูลการได้รับสิทธิเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับตนเองเท่านั้น
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งการให้เร่งรัดนำเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติ เพื่อให้เริ่มโอนเงินได้ทันวันที่ 1 มี.ค.2566 พร้อมทั้งระบุว่า ในส่วนของข้อมูลของผู้ได้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องได้รับการคุ้มครองภายใต้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 โดยประชาชนจะตรวจสอบชื่อของตัวเองได้เท่านั้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ว่าใครได้รับสิทธิหรือไม่ได้รับสิทธิ
ด้าน นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังได้ตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและการให้สิทธิต่างๆ เสร็จค่อนข้างจะเรียบร้อยแล้ว โดยจะนำเสนอให้ ครม.พิจารณาได้เร็วๆนี้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางในแง่ของค่าใช้จ่าย เพื่อลดค่าใช้จ่าย สามารถยืนอยู่ได้ และมีโอกาสขยับตัวเองขึ้นมาได้
“ผมคิดว่าเรื่องนี้น่าจะยังคงดำเนินการในช่วงนี้ต่อไป เพราะแม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวมาต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มเปราะบางที่เราต้องให้ความช่วยเหลืออยู่ ซึ่งประเด็นสำคัญ คือ การทำบัตรสวัสดิการฯคงต้องมีการตรวจสอบสิทธิทุกปี เพื่อคัดกรองว่าใครที่พ้นจากเกณฑ์แล้วจะได้ออกบัตรสวัสดิการฯ เพราะหลังจากที่มีการออกบัตรฯไปครั้งแรก ก็ยังไม่คัดกรองหรือปรับปรุงผู้ที่ได้รับสิทธิ ครั้งนี้จึงเป็นครั้งที่จะปรับปรุงผู้ได้รับสิทธิ” นายดนุชา กล่าว
ส่วนกรณีที่พรรคการเมืองบางพรรคเสนอนโยบายว่า จะเพิ่มวงเงินบัตรสวัสดิการฯนั้น นายดนุชา กล่าวว่า คงต้องไปดูในรายละเอียดว่าการเพิ่มวงเงินดังกล่าว เป็นการเพิ่มวงเงินในส่วนใด เพราะในบัตรสวัสดิการฯจะมีหลายกระเป๋า บางกระเป๋าก็ไม่ค่อยมีการใช้จ่าย บางกระเป๋ามีการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น นโยบายที่ออกมาหาเสียงกันว่าจะมีการเพิ่มเงิน คงต้องดูว่ามีการจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินการอย่างไร
“เราคงต้องมาเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ เพื่อทำให้สวัสดิการเหล่านี้ยังคงใช้จ่ายได้ โดยไม่ไปสร้างแรงกดดันให้ฐานะการคลังมากนัก และยังคงมีงบประมาณใช้ในการลงทุนตามเกณฑ์หรือเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 20% ซึ่งคงต้องดำเนินการร่วมกัน” นายดนุชา กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงเปิดนโยบายหลักของพรรคฯ และนโยบายบัตรประชารัฐ เพื่อรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง 2566 โดยในส่วน ‘บัตรประชารัฐ’ หรือปัจจุบัน คือ ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ นั้น พรรค พปชร. เสนอเพิ่มวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้มีบัตรฯเพิ่มเป็น 700 บาท/เดือน จากปัจจุบันที่ได้รับอยู่ 200-300 บาท/เดือน
อ่านประกอบ :
กระทรวงการคลังเลื่อนประกาศผล 'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' 2565
6 ปี 2.57 แสนล.! ส่องงบ'บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ' ก่อน'พปชร.'ชูจ่าย 700 บาท สู้ศึกเลือกตั้ง