เผยตารางนัดอ่านคำพิพากษาคดี 'ประหยัด พวงจำปา' อดีตรองเลขาฯ ป.ป.ช. สัปดาห์หน้ามี 2 คดีรวด 'ยื่นบัญชีฯเท็จ 227 ล .-ฟ้อง ปธ.ป.ป.ช.พวก แต่งตั้ง 'นิวัติไชย' ไม่ชอบด้วยกม.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์หน้านี้ มีการนัดฟังคำพิพากษาคดีความเกี่ยวกับ นายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จำนวน 2 คดี คือ
1. คดี นายประหยัด พวงจำปา ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช). กับพวกรวม 2 ราย ต่อ ศาลปกครอง ซึ่งเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเกี่ยวกับการแต่งตั้ง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เป็นเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. โดยศาลปกครองกลาง นัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในวันที่ 21 ก.พ.2566 เวลา 13.30 น.
2. คดี นายประหยัด พวงจำปา ถูกกล่าวหายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จฯ จำนวนเงิน 227 ล้านบาท โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) สนามหลวง นัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ที่อัยการสูงสุด (อสส.) โจทก์ ฟ้องแทน ป.ป.ช. กับนายประหยัด พวงจำปา ในฐานะจำเลย เวลา 11.00 น.
โดยคดีแรก นายประหยัด ฟ้องว่า ประธานกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 2 ราย กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 มีคำสั่งให้เลือก นายนิวัติไชย เกษมมงคล ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และให้เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) พิจารณาให้ความเห็นชอบ ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีมติในการประชุมครั้งที่ 122/2564 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 เห็นชอบให้ นายนิวัติไชยฯ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ผู้ฟ้องคดีในฐานะผู้มีรายชื่อเข้ารับการสรรหาเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า มติดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย และได้ขอให้ทบทวนมติดังกล่าวแล้ว แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 มีหนังสือ ให้ยกคำขอของผู้ฟ้องคดี จึงนำคดีมาฟ้อง
ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้พิจารณาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564 เลือกนายนิวัติไชย เกษมมงคล เพื่อเสนอต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ให้ความเห็นชอบเพื่อดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในการประชุมครั้งที่ 122/2564 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2564 ได้มีมติเอกฉันท์เห็นชอบเลือกนายนิวัติไชยฯ เพื่อดำรงตำแหน่งดังกล่าว ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 แต่การฟ้องคดีต่อศาลปกครองผู้ฟ้องคดีจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน หรืออาจจะเดือดร้อนหรือเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องจากการกระทำหรือการงดเว้นการกระทำของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน
โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นการดำเนินการตามข้อ 13 วรรคหนึ่ง วรรคสอง ของประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง คุณสมบัติและวิธีการได้มาซึ่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ. 2564 และข้อ 26 ของระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ว่าด้วยการบริหารทรัพยากรบุคคลของสำนักงาน ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 อันเป็นเพียงการเตรียมการและดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง ตามมาตรา 5แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 เพราะการคัดเลือกของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ข้างต้น ต้องนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายนิวัติไชยฯ ให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ตามมาตรา 148 วรรคสามแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และข้อ 26 ของระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติดังกล่าว ประกอบข้อ 13 วรรคสองของประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติข้างต้น ดังนั้น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีที่ประกาศพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้นายนิวัติไชย เกษมมงคล ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงถือเป็นคำสั่งอันมีผลกระทบต่อสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ฟ้องคดีซึ่งเข้ารับการสรรหาด้วย ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งทางปกครอง ตามนิยามคำสั่งทางปกครอง ใน (1) ของมาตรา 5แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ผู้ฟ้องคดีจึงชอบที่จะฟ้องต่อศาลให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวกับประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีดังกล่าว
เมื่อข้อพิพาทที่ผู้ฟ้องคดีนำมาฟ้องต่อศาลให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นการพิจารณาทางปกครอง ตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ผู้ฟ้องคดีจึงไม่ใช่ผู้ที่ได้รับ ความเดือดร้อนหรือเสียหายที่จะมีสิทธินำข้อพิพาทดังกล่าวมายื่นฟ้องต่อศาล ตามมาตรา 42 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองชั้นต้นต่อศาลปกครองสูงสุด
ส่วนคดีที่สอง เป็นกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบ กรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2560 ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์ควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินจำนวน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อของนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เป็นทรัพย์สินในประเทศ จำนวน 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ จำนวน 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 โดยส่งสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อพิจารณา
ซึ่งต่อมาคณะทำงานร่วมระหว่างฝ่ายอัยการ และฝ่ายสำนักงาน ป.ป.ช. พิจารณาข้อไม่สมบูรณ์เสร็จสิ้นแล้ว อสส. ได้ยื่นฟ้องนายประหยัด รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2564
ก่อนที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) ประทับรับฟ้องไว้พิจารณาเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2564 และมีคำสั่งให้นายประหยัด รองเลขาธิการ ป.ป.ช. หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา
นอกจากนี้ นายประหยัด พวงจำปา ยังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดคดีร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ รวมมูลค่ากว่า 658 ล้านบาท และเห็นชอบให้ทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของแผ่นดินด้วย
ขณะที่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบกรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช). ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ นายประหยัด พวงจำปา รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. เนื่องจากถูกชี้มูลความผิดคดีร่ำรวยผิดปกติกว่า 658 ล้านบาท โดยคำสั่งไล่ออกดังกล่าว มีผลเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนนายประหยัด เคยแถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ยืนยันว่า การยื่นบัญชีทรัพย์สินดังกล่าวเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนของภรรยา และทำการยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติมไปแล้ว ดังนั้นการดำเนินคดีดังกล่าวเป็นการกลั่นแกล้ง และดำเนินการไม่ชอบหลายประการ ไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ตน ส่วนข่าวที่พาดพิงว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องกับบางคดีนั้น คดีเหล่านั้นยังไม่มีข้อยุติ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในวันที่ 22 ก.พ.66 เวลา 13.00 น. ศาลฎีกา สนามหลวง กำหนดนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ คมจ.2/2565 ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ร้อง และนางกนกวรรณวิลาวัลย์ ผู้คัดค้าน ข้อกล่าวหากระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงฯ กรณีพิพาทการออกโฉนดที่ดิน จ.ปราจีนบุรี ด้วย
อ่านประกอบ :
- สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่! ศาลฎีกาฯรับฟ้อง‘รองเลขาฯ ป.ป.ช.’คดียื่นทรัพย์สินเท็จ 227 ล.
- เลื่อนพบอัยการบ่อย-ไม่มาทำงาน! อสส.ฟ้อง‘ประหยัด’ คดียื่นทรัพย์สินเท็จต่อศาลฎีกาฯแล้ว
- ชอบด้วย กม.-ป.ป.ช.ยันตามเดิม! ไม่เพิกถอนมติชี้มูล‘ประหยัด’ยื่นทรัพย์สินเท็จ 227 ล.
- อสส.รับดำเนินการยื่นคำร้องศาลฎีกาฯคดี‘ประหยัด’รองเลขาฯ ป.ป.ช.แจ้งบัญชีเท็จ 227 ล.
- คณะทำงานร่วมฯอัยการ-ป.ป.ช.ชง อสส.ชี้ขาด‘ประหยัด พวงจำปา’คดียื่นทรัพย์สินเท็จ 227 ล.
- รองเลขาฯ ป.ป.ช.ลั่นโดนแกล้งหลังถูกฟันปกปิดบัญชีฯ 227 ล.-ชี้ช่อง ส.ส.ยื่นถอดถอน กก.
- ยลโฉมอพาร์ตเมนต์หรูอังกฤษ 4.5 ล.ปอนด์! ซุกชื่อ‘เมีย’รองเลขาฯ ป.ป.ช.ถูกฟันปกปิดบัญชีฯ
- มติทางการ! ป.ป.ช.เอกฉันท์ฟันรองเลขาฯซุกทรัพย์สิน 227 ล.-คอนโดหรูอังกฤษ 4.5 ล.ปอนด์
- สอบรวยผิดปกติต่อ!‘วัชรพล’ยันให้ความเป็นธรรมเต็มที่‘บิ๊ก ป.ป.ช.’ปกปิดทรัพย์สิน
- ‘บิ๊ก’ป.ป.ช.ขอความเป็นธรรม! ปมถูกฟันปกปิดทรัพย์สิน-ที่ประชุม กก.นัดถกอีก 13 ส.ค.
- ฟัน‘บิ๊ก ป.ป.ช.’ปกปิดทรัพย์สินหลัง‘ญาติ’ โดนสอบเส้นทางเงินคดีปลูกปาล์มอินโดฯ
- เปิดลำดับเหตุการณ์สำคัญคดีปลูกปาล์มอินโดฯก่อนกรณีค่านายหน้า32ล.ดอลลาร์