‘ฝ่ายค้าน’ ออกสตาร์ทอภิปราย ม.152 ‘ชลน่าน’ เปิดประเด็น 8 ปี แปดเปื้อนรัฐบาล ด้าน ‘พิธา’ ชี้ใช้งบมือเติบ 28 ล้านล้าน เทียบทองคำแท่งพันล้านแท่ง ชูรัฐสวัสดิการคือคำตอบในการแก้ปัญหาประเทส
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดการอภิปรายว่า เหตุที่การบริหารงานราชการแผ่นดินภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ปฏิบัติตามหรือดำเนินการตามนโยบายที่ได้แถลงไว้ต่อสภา โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วน 12 ประการ เช่น ปัญหาการดำรงชีวิต ความเหลื่อมล้ำในสังคม ปัญหาประมงพื้นบ้าน ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน ยาเสพติด ตลอดจนมีการใช้จ่ายเงินงบประมาณและก่อหนี้สาธารณะสูงขึ้นอย่างมหาศาล
รวมถึงตลอดระยะเวลา 3 ปี รัฐบาลไม่ได้บริหารประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาทุกข์สุขของประชาชน แต่มุ่งใช้เงินเพื่อประโยชน์ทางการเมืองสร้างแต่คะแนนนิยมให้รัฐบาลเพื่อความมั่นคงอยู่รอดแต่การปฏิรูปการเมืองล้มเหลว จนได้ชื่อว่า ‘ธนกิจการเมือง’ คือการใช้เงินเพื่อให้ได้มาซึ่งการรักษาอำนาจทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมและสร้างภาระงบประมาณให้แก่ประเทศอย่างมหาศาลจนนำมาสู่การอภิปรายเป็นการทั่วไปในวันนี้
“รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับฉายากจากสื่อมวลชนว่าเป็นรัฐบาลหน้ากากคนดี ซึ่งคนดีที่ใส่หน้ากาก จะมีตัวตนเป็นเช่นใดไม่รู้ แค่ดูว่าใส่หน้ากากคนดี แล้วจะถือสิทธิ์มาดูแลประเทศชาติมากกว่าคนอื่นนั้นไม่ได้ เพราะตัวนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ก็ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนว่าเป็นคนดีที่แปดเปื้อน แปดเปื้อนอย่างไรใน 3 ปีที่ผ่านมา” นพ.ชลน่านเกริ่นนำ
@ฉายภาพ 8 ปี แปดเปื้อน
ประเด็นแรก เหมืองทองอัครา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวปิดเหมืองทองอัครา จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเข้าสู่คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จนนำไปสู่การประนีประนอมยอมความด้วยการนำทรัพย์สินคือทรัพยากรประเทศมหาศาลนับแสนล้านไปแลกกับความอยู่รอดของตนเองและผูกพันเงื่อนไขไปสู่รัฐบาลหน้า
2. หนี้สาธารณะของประเทศมหาศาล รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กู้หนี้มากว่า 5.7 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้สาธารณะสูงไปถึงเกือบ 10 ล้านล้านบาท ส่งผลให้หนี้ครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นตามไปตลอดจนความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนลำบากฝืดเคืองมากขึ้น
3. สถิติคนไทยฆ่าตัวตายเพิ่มสูง สถิติการฆ่าตัวตายของคนไทยเป็นอันดับหนึ่งของอาเซียน เพราะเศรษฐกิจที่แร้นแค้น ความเหลื่อมล้ำที่ทับถม ทุกคนเกิดมาอยากมีชีวิตที่ดี มีความสุข ทำประโยชน์แก่ตน ครอบครัว และประเทศชาติที่เขาภาคภูมิใจ แต่รัฐบาลนี้ไม่เคยอุ้มชูให้เขาอยู่รอดได้ในรัฐบาลนี้
4. ทุนจีนสีเทา ปัญหาทุนจีนสีเทา ใช้อิทธิพลเงินเข้าครอบงำทุกภาคส่วนเพื่อดำเนินธุรกิจอย่างไม่ถูกต้องระบาดหนักไปทั่วทุกหย่อมหญ้า ฝ่ายค้านอยากฟังคำตอบเบื้องลึก เบื้องหลังว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร และทำไมระบาดหนักในยุคนี้ และจะส่งผลอย่างไรต่อประเทศชาติของเรา
5. ทุจริตคอร์รัปชัน การซื้อขายตำแหน่ง การตบทรัพย์ทั้งโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้รับรู้หรือไม่ และใครเป็นใครกันแน่ จับแล้วก็จบกันไปแบบเงียบ จนกลายเป็นปกติวิสัยของผู้คนในบ้านเมืองนี้ที่ไม่สามารถนำคนผิดมาลงโทษได้
6. ธนกิจการเมือง การใช้เงินเป็นใหญ่ในการทำการเมือง เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดและเห็นชัดที่สุด เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้มากที่สุดเห็นได้จากการจับกุมข้าราชการรัฐระดับอธิบดีเรียกสินบน ปัญหานี้รัฐบาลต้องตอบให้ชัดเจนว่าจะทำอย่างไรกับคดีนี้ จะปกป้องอธิบดีคนนี้หรือไม่ หรือเห็นมีข่าวว่ามีความใกล้ชิดเป็นน้องชายเพื่อนสนิทของผู้มีอำนาจ
7. ยาเสพติด วันนี้ พี่น้องประชาชนร้องเรียนปัญหายาเสพติดในพื้นที่ หนักหนากว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง เช่นยาบ้า มีราคาถูกลงเหลือราคาเม็ดละไม่ถึง 20 บาท ระบาดไปทุกหมู่บ้าน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ภาครัฐจับกุมยาบ้าได้มหาศาล แต่ทำไมยาบ้าก็ยังมีมากในตลาด มีการเวียนของกลางมาใช้หรือเปล่า อันนี้ต้องขยายความพูดคุย
และ 8. อบายมุข อบายมุขครบวงจร เว็บพนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดูดเงินจากบัญชีตลอดจนแชร์ลูกโซ่ระบาดลงไปทุกซอกมุม มีพี่น้องประชาชนเดือดร้อนร้องเรียนถูกฉ้อโกงไม่เว้นแต่ละวัน
ทั้งหลายทั้งปวง สภาแห่งนี้จะได้ใช้เวลา 2 วันเต็มในการ กระชากหน้ากาก คนดีที่ใส่หน้ากาก เมื่อถูกกระชากแล้วจะเป็นอย่างไร แม้จะลงคะแนนในสภาไม่ได้ แต่พี่น้องจะได้ตัดสินกันในคูหาเลือกตั้งเพื่อให้ประเทศไทยได้ไปต่ออย่างมีศักดิ์ศรี มีคุณค่าและความหมาย ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ให้ใครบางคนได้ไปต่อเพื่อสืบทอดอำนาจ
@อัดใช้งบ 28 ล้านล้าน เท่ากับทองคำพันล้านแท่ง
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายเปิดเป็นคนแรกของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา152 โดยกล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้สำคัญกว่าการอภิปรายครั้งไหนใน 2 เรื่อง หนึ่งคือแม้ ส.ส. ลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ในการเลือกตั้ง และสอง แม้เป็นการอภิปราย 152 ครั้งสุดท้ายแต่จะเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ที่ประชาชนจะได้ฟังข้อมูลก่อนเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง
ประเทศไทยกำลังอยู่ในทศวรรษที่สูญหาย เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เงินภาษีประชาชนรวมกันไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับทองคำพันล้านแท่ง สามารถเอาไปชุบถนนทั่วประเทศไทยได้เกือบ 2 รอบ อย่างที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เคยบอกว่าถ้าประเทศไทยเลิกคอร์รัปชัน จะปูถนนเป็นทองคำก็ทำได้ แต่ถึงวันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีอนาคตเหมือนเดิม
สิ่งที่คนไทยได้จากการบริหารประเทศตลอดเกือบ 10 ปี ของ พลเอกประยุทธ์ คือ ‘การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม’ เราลงทุนไป 28 ล้านล้านบาทก็ได้อนาคตแบบเดิม อนาคตที่ประเทศไทยจะแพ้เพื่อนบ้านแบบไม่เห็นฝุ่น เป็นประเทศเดียวที่จีดีพีรั้งท้ายอาเซียนและยังไม่ฟื้นตัวจริงจากโควิด นอกจากนั้น คือเราสูญหายเวลาไปกับ 3 สิ่งสำคัญคือ (1) การศึกษา คะแนนมาตรฐานโลกอย่าง PISA ก็รั้งท้าย (2) คอร์รัปชัน ปี 2557 อันดับความโปร่งใสของเราอยู่ที่อันดับ 85 แต่ปี 2565 อยู่ที่อันดับ 110 และ (3) ภัยแล้ง ก่อนหน้านี้มีพรรครัฐบาลบอกว่า “มีลุงไม่มีแล้ง” แต่ที่ผ่านมาเกือบ 1 ทศวรรษ พื้นที่แล้งซ้ำซากในภาคอีสานเพิ่มจาก 40 ล้านไร่เป็น 49 ล้าน
@ตำรวจ - กองทัพ น่ากังขาในสายตาประชาชน
“เรายังสูญหายโอกาสในการปฏิรูปสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการปฏิรูปตำรวจ ภาพลักษณ์ของตำรวจตอนนี้ ประชาชนมีคำถามว่าจริงหรือไม่ที่ตำรวจมีส่วนกับทุนจีนสีเทา จริงหรือไม่ตำรวจตั้งด่านรีดไถนักท่องเที่ยวไต้หวัน แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์ราษฎรกลับเป็นส่วนหนึ่งของการทำร้ายราษฎร รวมถึงระบบเส้นสาย-ตั๋ว ที่ทำให้ตำรวจมีปัญหาสุขภาพจิต ส่วนกองทัพ รัฐบาลยังลอยตัว ประชาชนยังไม่ได้คำตอบ อะไรคือสาเหตุของเรือหลวงสุโขทัยล่ม ที่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยสูญเสียมากขนาดนั้น เท่าไรคือค่าใช้จ่ายที่กองทัพใช้ในการบินเครื่องบินรบ F16 ที่เอาไปดูแลกิจกรรมในครอบครัวของอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ อะไรคือสาเหตุของการบริหารในกองทัพที่ทำให้เกิดเหตุการณ์กราดยิงโคราชและความรุนแรงต่อทหารชั้นผู้น้อย” นายพิธาระบุ
@”รัฐสวัสดิการ” คำตอบของทุกสรรพสิ่ง
นายพิธากล่าวต่อไปว่า ขอฝากข้อเสนอแนะไปถึงรัฐบาล แม้ไม่รู้ว่ารัฐบาลใดจะได้รับไปทำ ว่าสิ่งที่ประชาชนอยากได้ ไม่ใช่การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตเดิม โดยตนขอเริ่มที่ปากท้อง ถ้าไม่อยากให้คนไทย “แก่ก่อนรวย ป่วยก่อนตาย รายได้ไม่มี หนี้เพิ่มทุกวัน” คำตอบสั้นๆ คือรัฐสวัสดิการ เช่นเบี้ยคนชรา 3,000 บาทต่อเดือน เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน จะลดทั้งลดความเหลื่อมล้ำและทำให้เศรษฐกิจเติบโต ทลายทุนผูกขาด ผ่านกฎหมายสุราก้าวหน้า เพิ่มแต้มต่อให้เอสเอ็มอีแข่งกับทุนใหญ่ ส่วนอนาคต ต้องสร้างงาน-ซ่อมประเทศ เปลี่ยนปัญหาของประเทศให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างอุตสาหกรรมแห่งอนาคต เช่น น้ำประปาที่ไม่สะอาด ต้องใช้ระบบ smart meter
อย่างไรก็ตาม การเมืองเป็นกระดุมเม็ดแรกที่ถ้าติดให้ถูก ประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจที่ดีและมีอนาคตได้ ที่ผ่านมาสิ่งที่ประเทศไทยทะเลาะกันมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องเศรษฐกิจ แต่สิ่งที่เราหาจุดร่วมกันไม่ได้ คือเรื่องการเมืองดี การเมืองกับปากท้องคือเหรียญสองด้าน การเมืองจะดีได้ ต้องทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ เอาทหารออกจากการเมือง และสิ่งที่สำคัญคือต้องหาฉันทามติใหม่ในความปกติใหม่ ผ่านการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชน
“ในช่วงที่สังคมมีเรื่องอันน่ากระอักกระอ่วนใจ ท่านเลือกใช้ความรุนแรง แทนที่จะหาพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย การใช้มาตรา 112 ที่มีโทษรุนแรง 3 - 15 ปี ฟ้องโดยใครก็ไม่รู้ กับเยาวชนอายุเพียง 14 ปี และอีกหลายๆ คน ไม่ใช่ทางออกของประเทศไทย แต่เป็นทางตัน แบบนี้ความขัดแย้งจะไม่จบสิ้น ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ ทศวรรษหน้าก็ยังเป็นทศวรรษที่สูญหายของประเทศไทย” นายพิธากล่าว
หัวหน้าพรรคก้าวไกล ทิ้งท้ายการอภิปรายว่า อีกราว 80 วันประชาชนจะเข้าคูหา การเลือกตั้งครั้งนี้คือโอกาส เปลี่ยนทศวรรษที่สูญหาย ปิดสวิตช์ 3ป เป็นทศวรรษแห่งความหวัง เป็นจุดเริ่มต้นของทศวรรษที่มีอนาคต ทศวรรษที่ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม
ที่มาภาพ: พรรคก้าวไกล , พรรคเพื่อไทย