ศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับ 2.5 เท่า ‘ฟิลลิป มอร์ริส’ ฐานสำแดงราคาบุหรี่เป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร 2550
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ว่า ศาลอาญาได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.676/2563 คดีระหว่างพนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 โจทก์ นิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 กับพวก
โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนัก การกระทำของบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 เป็นการสำแดงเท็จ และเป็นการนำสินค้าประเภทบุหรี่เข้ามาในราชอาณาจักร เพื่อหลีกเลี่ยงการชำระค่าอากร ตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย
@ปรับ 2.5 เท่า
อย่างไรก็ตาม เห็นควรแก้ไขค่าปรับเสียใหม่ ซึ่งพนักงานอัยการยื่นฟ้องให้ปรับ 4 เท่า แต่ระหว่างการพิจารณาของศาล มีกฎหมายใหม่ที่เป็นคุณแก่จำเลยที่ 1 มากกว่า ประกอบกับจำเลยที่ 1 ให้การเป็นประโยชน์ จึงพิพากษาเป็นว่าให้ปรับ บริษัท ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 ตามอัตรากฎหมายที่แก้ไขใหม่ จำนวน 2.5 เท่า ของค่าอากรที่ต้องเสียเพิ่ม โดยให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปคำนวณค่าอากรเป็นจำนวนเงินที่แท้จริงอีกครั้ง
ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นเพียงพนักงานบริษัท ไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิด ไม่ได้มีอำนาจกำหนดราคาของบุหรี่ทั้งสองยี่ห้อแต่อย่างใด จึงพิพากษายกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2563 โดยสรุปว่านิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานสำแดงราคานำเข้าบุหรี่อันเป็นเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียอากร ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 243 วรรคหนึ่ง ลงโทษปรับ 4 เท่าของค่าภาษีอากรที่ต้องชำระ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 130,145,870.12 บาท และยกฟ้องจำเลยที่ 2
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำการสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 8/2551 กรณี นิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด มีพฤติการณ์สำแดงราคาในการนำเข้าบุหรี่จากประเทศอินโดนีเซียต่ำกว่าราคาที่แท้จริงเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียอากร ซึ่งพบว่าระหว่าง ปี พ.ศ. 2543 - 2546 นิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด ได้นำเข้าบุหรี่ตรามาร์ล โบโร่ (Marlboro) และตราแอลแอนด์เอ็ม (L&M) จากสาธารณรัฐอินโดนีเซีย จำนวน 1,094 ใบขน โดยบุหรี่ตรามาร์ลโบโร่ (Marlboro) สำแดงราคา 7.35 บาท ถึง 7.70 บาทต่อซอง
แต่จากการสอบสวนพบข้อมูลว่ามีราคาตั้งแต่ 9.13 บาท ถึง 16.70 บาท ส่วนตราแอลแอนด์เอ็ม (L&M) สำแดงราคา 6.13 บาท ถึง 6.55 บาทต่อซอง แต่จากการสอบสวนพบข้อมูลว่ามีราคาตั้งแต่ 7.56 บาท ถึง 13.99 บาท
อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีความเห็นควรสั่งฟ้อง นิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด กับพวก ในฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ซึ่งต่อมาพนักงานอัยการได้มีคำสั่งฟ้องและศาลได้มีคำพิพากษาดังกล่าว
สำหรับคดีพิเศษที่ 8/2551 นี้เป็นกรณีที่นิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด มีพฤติการณ์สำแดงราคาในการนำเข้าบุหรี่จากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้แยกดำเนินคดีมาจากคดีพิเศษที่ 79/2549 โดยนิติบุคคลดังกล่าวมีพฤติการณ์เช่นเดียวกันในการนำเข้าบุหรี่จากประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งในคดีพิเศษที่ 79/2549 นี้ ศาลอาญาได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขแดงที่ อ.604/2561 ว่า นิติบุคคล ฟิลลิป มอร์ริส (ไทยแลนด์) ลิมิเต็ด จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ลงโทษปรับ 4 เท่าของราคาของรวมค่าอากรที่ต้องชำระ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,225,990,671.50 บาท และต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิด ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 243 รวม 272 กระทง ให้ปรับเป็นเงินสองเท่าครึ่งของค่าอากรที่ต้องเสียเพิ่ม เป็นเงินทั้งสิ้น 121,578,788 บาท
ทั้งนี้ ในการสอบสวนดำเนินคดีของกรมสอบสวนคดีพิเศษทั้ง 2 คดีพิเศษดังกล่าว มีมูลค่าผลประโยชน์ที่สามารถปกป้องรักษาหรือเรียกคืนให้แก่รัฐได้ มูลค่ารวมจำนวนกว่า 170 ล้านบาท