ครม.ไฟเขียวมาตรการกระตุ้นภาคท่องเที่ยวฯ อนุมัติ ‘เราเที่ยวด้วยกัน’ เฟส 5 ให้สิทธิ์ห้องพัก 5.6 แสนสิทธิ์ สนับสนุนไม่เกิน 3 พันบาท/ห้อง/คืน พร้อมอนุมัติจัดสรรงบอีก 1.9 พันล้าน เดินหน้าโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวฯ
.........................................
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติจัดสรรงบประมาณวงเงินรวม 3,946.43 ล้านบาท เพื่อดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยว 2 โครงการ ได้แก่ เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 วงเงิน 2,016 ล้านบาท และโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย วงเงิน 1,930.43 ล้านบาท
ทั้งนี้ การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยด้านการท่องเที่ยวทั้ง 2 โครงการดังกล่าว จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการทั้งในและนอกอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งภาคแรงงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกว่า 11 ล้านคน โดยเฉพาะโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 นั้น คาดว่าจะก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจสูงถึง 12,539 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5 มีดังนี้
แนวทางดำเนินการ (1) การลงทะเบียนใช้สิทธิเข้าโรงแรมที่พักจำนวนห้องพัก 560,000 สิทธิ์/ห้อง รัฐสนับสนุนร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 3,000 บาท/ห้อง/คืน สูงสุด 5 ห้อง (2) คูปองอาหาร/ท่องเที่ยว (e-voucher) 600 บาท/วัน (3) พื้นที่ดำเนินการทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย (4) ระยะเวลาดำเนินการ ตั้งแต่เดือน ก.พ.-ก.ย.2566 (5) ผู้รับประโยชน์จากโครงการ ได้แก่ ประชาชนไทยที่เข้าร่วมโครงการและใช้สิทธิ และผู้ประกอบการในภาคการท่องเที่ยวที่เข้าร่วม
สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการ ฯ มีอายุ 18 ปี ขึ้นไปลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com พร้อมติดตั้งเป๋าตัง โดยต้องจองห้องพักล่วงหน้าก่อนเดินทาง 7 วัน ส่วนผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการลงทะเบียนและยืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิจำนวน 5 สิทธิ สำหรับประชาชนที่เคยใช้สิทธิแล้ว สามารถกดให้ความยินยอม consent ในระบบได้ เลย โดย 5 สิทธิดังกล่าว ไม่นับรวมสิทธิที่ใช้แล้วในโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 4
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคล เช่นเดียวกับโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4 เพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์โครงการที่มุ่งให้เกิดการใช้จ่ายและการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจในภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งเป็นการบรรเทาภาระของประชาชน
นอกจากนี้ โครงการฯ ยังมีแนวทางป้องกันการทุจริต คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดให้มีระบบแสดงจำนวนห้องพักของแต่ละโรงแรม/ที่พัก หากมีการจองเกินจำนวนห้องที่แจ้งไว้ ระบบจะสามารถจำกัดการจองได้ โดยมอบให้ ททท. สำนักงานสาขาในประเทศ เป็นผู้ดำเนินการ
และเพื่อป้องกันการขึ้นราคาห้องพักเกินจริง จึงให้มีการระบุในแบบฟอร์มยินยอม (consent) ให้ชัดเจน หากโรงแรมที่พักเจตนาขึ้นราคาห้องพักเกินจริง สามารถเอาผิดเรียกเงินคืน ระงับการจ่ายได้ และต้องได้รับโทษถึงการตัดสิทธิในการเข้าร่วมทุกโครงการของรัฐบาล รวมทั้งจะมีระบบสแกนใบหน้าของผู้ใช้สิทธิในการเชคอินเข้าพักและการใช้ e-voucher เพื่อป้องกันการใช้บัตรประชาชนผู้อื่นสวมสิทธิ
ส่วนรายละเอียดโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทยฯ มีดังนี้
แนวทางการดำเนินกิจกรรม ประกอบด้วย (1) การกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเดินทางมายังประเทศไทยจากต่างประเทศ โดยเน้นการนำเสนอ Soft Power ผ่าน Digital Market และกิจกรรมทางการตลาด (2) กระตุ้นท่องเที่ยวไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ (ไทยเที่ยวไทย) ให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวบ่อยครั้งขึ้น (3) การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ เผยแพร่และสร้างกระแสการเดินทางภายในประเทศภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand, Amazing New Chapters (4) การยกระดับคุณภาพสินค้าเพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว
สำหรับพื้นที่ดำเนินการ คือ จังหวัดทั่วประเทศไทย โดยมีระยะเวลาดำเนินการในช่วงเดือน ก.พ.-ก.ย.2566 ซึ่งเป้าหมายของโครงการฯ คือ เพื่อช่วยผลักดันและสนับสนุนการสร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้เป็นไปตามเป้าหมาย 2.38 ล้านล้านบาท
“การดำเนินโครงการฯที่อยู่ในช่วงระหว่างเดือน ก.พ.-ก.ย.2566 ซึ่งเป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทศกาลสงกรานต์ และวันหยุดต่อเนื่องจากนักขัตฤกษ์ในเดือน พ.ค. มิ.ย. และส.ค. จะช่วยกระตุ้นรายได้ให้กับประเทศทำให้ระบบเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นการช่วงชิงโอกาสในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ที่ไม่รุนแรงและมาตรการเดินทางระหว่างประเทศไม่มีข้อจำกัดด้วย” นายอนุชา กล่าว