ปปป.สนธิกำลัง ป.ป.ช.,ป.ป.ท.,ปปง. บุกจับเจ้าหน้าที่การเงิน อบต.ลาดยาว ยักยอกเงิน กองคลัง 15 ล้าน หลังพบเงินรั่วไหลออกจากบัญชีไม่ทราบเหตุผลนานเกือบ 1 ปี ฝ่ายผู้ต้องหาอ้างหาเงินใช้หนี้แอปฯ เงินกู้ออนไลน์ ยืนยันทำแค่คนเดียว - เตรียมขยายผลตรวจสอบ อบต.ทั่วประเทศ รั่วไหลรวมกว่า 200 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 19 ม.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) นางพรเพชร เขมวิรัตน์ รองผู้ว่าจังหวัดนครสวรรค์ พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ท.)ในภาครัฐ 2 สำนักงาน ป.ป.ท. นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ บก.ปปป. เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปรางปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.), ป.ป.ท., สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เข้าจับกุม น.ส.พัชรา ประสิทธิกรรม อายุ 41 ปี เจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีชำนาญงานเทศบาลตำบลลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์ ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และ เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” ได้ภายในห้องประชุมเทศบาลตำบลลาดยาว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบความผิดปกติของเงินกองคลังเทศบาลตำบลลาดยาว หลังพบมีเงินรั่วไหลจากการเบิกถอนเงินในบัญชีธนาคารเทศบาลโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์ ตั้งแต่วันที่ 26 ม.ค. 2565 ถึงวันที่ 17 มกราคม 2566 จำนวน 215 ครั้ง รวมเป็นเงิน 15,867,275.49 บาท จึงจัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบว่า น.ส.พัชรา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชีชำนาญงานเทศบาลตำบลลาดยาว ที่เป็นผู้ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการเบิกถอนเงินงบประมาณและเงินต่างๆของเทศบาล ได้ทำการยักยอกเงินทั้งหมดดังกล่าวไปใช้จ่ายส่วนตัว
โดยใช้ช่องโหว่จากการที่เป็นคนถือรหัสพินสามารถเบิกถอนเงินออกจากธนาคารได้ ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับรัฐและทางธนาคารเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจนำกำลังเข้าทำการจับกุมตัวดังกล่าว พร้อมกับเชิญตัวพยานบุคคลอีก 3 รายมาสอบปากคำในฐานะพยาน รวมถึงเข้าตรวจค้นบ้านพักของ น.ส.พัชรา เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
จากการสอบสวน น.ส.พัชรา เบื้องต้นให้การรับสารภาพว่านำเงินดังกล่าวไปใช้หนี้ที่กู้มาจากแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์ ซึ่งมีหลายเจ้าจึงทำให้หมุนเงินไม่ทัน ประกอบกับมีการส่งภาพคลิปวิดีโอข่มขู่ฆ่าจนเกิดความหวาดกลัว จึงตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวเพื่อเร่งนำเงินไปใช้หนี้ พร้อมยอมรับว่าทำเพียงคนเดียว ไม่เกี่ยวกับสามี หรือ หัวหน้าหน่วยงานคนอื่นๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องกู้เงินจากแอพเงินกู้ออนไลน์ดังกล่าวเนื่องจากตนเองติดพนันออนไลน์
ด้าน พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวเป็นแค่ส่วนหนึ่งเพียงเท่านั้น เพราะจากการตรวจสอบข้อมูลการเงินหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆทั่วประเทศ พบมีเงินรั่วไหลออกจากระบบโดยไม่ทราบวัตถุประสงค์รวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเกิดจากการการยักยอกเงินในลักษณะเดียวกันของเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนั้นๆ จนสร้างความเสียหายให้กับรัฐเป็นอย่างมาก โดยหลังจากนี้จะมีการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องขยายผลตรวจสอบการเงินงบประมาณต่างๆของหน่วยงานปกครองส่วนท้องถิ่นแต่บะแห่งอย่างละเอียด เพื่อติดตามเงินที่ถูกยักยอกไปกลับคืนมา และ ป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ต่อมาในเวลา 12.30 น.ที่ห้องประชุม เทศบาลตำบลลาดยาว อ.ลาดยาว จ.นครสวรรค์พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากทาง ป.ป.ท.ได้รับการร้องเรียนให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเรื่องดังกล่าว จึงมีการประสานความร่วมมือกับทางตำรวจและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง จนเกิดเป็นการบูรณาการกำลังร่วมกันสืบสวนสอบสวนตามจับกุมผู้กระทำผิด ซึ่งจากแนวทางสืบสวนพบมีการกระทำผิดจริง มีการเบิกเงินออกไปทุกวันวันละ 2-3 แสน ส่วนการดำเนอนการกับผู้ต้องหาหลังจากนี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้กระทำผิด ส่วนจะมีใครเกี่ยวข้องเพิ่มเติมหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หากพบดำเนินคดีไม่มีข้อยกเว้น อยากฝากไปถึงผู้ที่คิดตะกระทำผิดอยากให้ตระหนักว่าอีตราโทษคดีบักษณะดังกล่าวค่อนข้างสูง มีตั้งแต่จำคุก 5ปี ถึง 20 ปี หรือ ตลอดชีวิต
ส่วนคำให้การของผู้ต้องหาที่อ้างว่าสาเหตุหลักมาจากติดพนันออนไลน์ กู้เงินนอกระบบจากแอพเงินกู้ออนไลน์ ทำเพียงคนเดียว นั้นก็สิทธิ์ของผู้ต้องหา แม้จะมูลความจริงอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินอย่างละเอียดว่ามีการโยกย้ายไปที่ใดบ้าง รวมถึงเร่งสอบปากคำพยานต่างๆ ตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ ส่วนเรื่องเว็บพนันออนไลน์ และ แอปเงินกู้นั้น เบื้องต้นได้รายงานให้ทางผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติรับทราบแล้ว และ จะมีการขยายผลต่อเนื่อง มีการประสาน ปปง. เข้ามาข่วยตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญ
ขณะที่พ.ต.ท.สิริพงษ์ กล่าวว่า การทุจริตของผู้ต้องหาแม้จะเป็นเพียงเจ้าหน้าที่รายเล็กแต่สามารถสร้างความเสียหายให้แก่ภาครัฐได้เป็นอย่างมาก แค่ภายในปีเดียวสามารถทุจริตเงินรัฐได้มากถึง 15 ล้านบาท และ ใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือน ยักยอกเงิน 13 ล้านบาท โดยใช้วิธีการทุจริตผ่านระบบ KTB Corporate Online ซึ่งเคสนี้เป็นเคสพิเศษเป็นเคสแรกที่จับกุมได้ และ หลังจากนี้เราจะใช้เคสนี้เป็นโมเดลในการปราบปรามทุจริตลักษณะเดียวกันขององค์กรส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ที่มีอยู่ทั้วประเทศกว่า 7,000 แห่ง ซึ่งขณะนี้ตรวจพบการทุจริตลักษณะนี้แล้วประมาณ 7 จังหวัดเสียหายรวมกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งหลังจากนี้จะมีการร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบแก้ไขและปราบปราม
ส่วน นางพรเพชร กล่าวว่า จากเรื่องที่เกิดขึ้นทางจังหวัดไม่นิ่งดูดาย สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา ส่วนการลงโทษทางวินัยยืนยันว่ามีแน่นอนแต่จะถูกลงโทษอย่างไรบ้างนั้นจะชี้แจงให้ทราบในภายหลัง หลังจากที่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้น
ด้าน นายสุภาพ กล่าวว่า เหตุที่ไม่ทราบว่า น.ส.พัชรา กระทำการทุจริตดังกล่าว เพราะมีการปลอมแปลงเอกสารเพื่ออำพรางความผิดปกติ จนกระทั่งมาทราบเรื่องจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบขั้นตอนการทำธุรกรรมต่างๆอย่างละเอียดให้มากขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นมาอีก
ทั้งนี้มีรายงานว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินบุคคลใกล้ชิดของ น.ส.พัชรา โดยเฉพาะบัญชีธนาคารของสามี พบมียอดเงินโอนหลักหมื่นเข้ามาทุกวันตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเงินดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร เกี่ยวข้องกับเงินที่มาจากการทุจริตครั้งนี้หรือไม่ นอกจากนี้ในระหว่างที่พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำอยู่นั้นได้มีเบอร์โทรศัพท์ปริศนาที่เชื่อว่าน่าจะเป็นเบอร์โทรของแอปฯ เงินกู้นอกระบบโทรเข้ามาเพื่อทวงหนี้ น.ส.พัชรา จำนวนหลายสายอีกด้วย