'บิ๊กโจ๊ก' สั่งสอบขยายผล 16 จนท.ทหาร ตำรวจ-DSI ส่อมีเอี่ยวยักยอกของกลาง-เรียกรับผลประโยชน์ต่างด้าว หลังบุกเข้าค้นสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย เบื้องต้นทั้งหมดยังให้การปฏิเสธ ขณะที่ ผู้บังคับบัญชาพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงหากผิดจริง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวว่าเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ซึ่งมีการแอบอ้างว่าเป็นบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทย แต่ภายในกลับมีคนจีนเข้าออกพลุกพล่าน หลังเข้าตรวจค้นตามหมายค้นของศาลแล้ว พบคนจีน 1 ราย พร้อมเงินสดจำนวน 2.5 ล้านบาท จึงได้ทำการตรวจยึดส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อทำการตรวจสอบ ต่อมาได้มีการร้องเรียนว่า มีเงินสดที่ได้จากการตรวจค้นหายไปจำนวนมาก และมีการเรียกรับผลประโยชน์แลกกับการช่วยเหลือบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในบ้านเพื่อแลกกับการไม่ถูกจับกุม
โดย รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นกรณีเจ้าหน้าที่รัฐเรียกรับผลประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ในทางทุจริต เพื่อทำข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวให้กระจ่าง รวมไปถึงสั่งการให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและบุคคลที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีนี้โดยด่วน และให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ รวมรวมพยานหลักฐานประกอบตามกรณีดังกล่าว
จากการสืบสวนทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสายตรวจ และเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วยล่ามคนจีน ได้รับการประสานจากสถานกงสุลนาอูรูประจำประเทศไทยในกรณีที่ นายโอนาซิส ซานริค ดาเม่ อดีตกงสุลนาอูรุประจำประเทศไทย ได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กทม. แต่กลับมีชาวจีนเข้าออกบ้านหลังดังกล่าวจำนวนมาก จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลเพื่อเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวในวันที่ 22 ธ.ค.65 ผลการตรวจค้นพบชาวจีน 2 คน พร้อมด้วยคนงานในบ้าน มีทั้งชาวไทย จีน และเมียนมาอีก 6 คน รวมทั้งพบสุราต่างประเทศ และบุหรี่ซิการ์จำนวนหนึ่ง และยังพบเงินสดไทยจำนวนประมาณ 8 ล้านบาท โดยหนึ่งในชาวจีนดังกล่าวคือ นายเหมา เติ้ง เผิง เป็นผู้ต้องหาตามหมายแดงของตำรวจสากล ในกรณีเกี่ยวข้องกับแก๊งปลอมพาสปอร์ตสัญชาติหมู่เกาะมาแชลและประเทศนาอูรู
แต่ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว โดยได้ให้ล่ามเป็นคนไปรับเงินจากตัวแทนของชาวจีนดังกล่าว ที่บริเวณปั๊มน้ำมันบริเวณใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ จำนวนเงิน 4 ล้านบาท จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกตรวจยึดเงินสดจำนวนแค่ 2.5 ล้านบาท และส่งตัวน.ส.เซี่ยง หยาง ผู้ดูแลบ้านดังกล่าว พร้อมเงินที่ตรวจยึดให้พนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งถูกดำเนินคดีในกรณีไม่พกพาหนังสือเดินทาง
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่สืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลออกหมายจับเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมของกองกำกับการสายตรวจ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งสิ้น 16 ราย ประกอบด้วย 1. นายตฤณ ผู้อำนวยการส่วนกลั่นกรองและการข่าวคดีพิเศษภาค 2. นายอนัน เจ้าหน้าที่ DSI 3. นายอดิศร เจ้าหน้าที่ DSI 4. นายอำนาจ เจ้าหน้าที่ DSI 5. นายศุภชัย เจ้าหน้าที่ DSI 6. ร.ต.อ.ณรงค์เดช 7. ร.ต.ท.สุรินทร์ 8. ด.ต.สุภชัย สุรยัพ 9. ด.ต.ปกิต 10. จ.ส.ต.จีระ 11. จ.ส.ต.อรรถรินทร์ 12. จ.ส.ต.ธรรมนูญ 13. จ.ส.ต.สิทธิพงษ์ 14. ส.ต.อ.ธวัชชัย 15. ส.อ.มนตรี เจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ 16. นายอู่ จิน หลง สัญชาติจีน ทำหน้าที่เป็นล่ามแปลภาษาจีนของ DSI
ทั้งนี้จะมีการดำเนินคดีในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมีชอบ ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหายทำลายซ่อนเร้นเอาไปเสียหรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
และ ดำเนินคดีในข้อหา สนับสนุนให้เจ้าพนักงานร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ,สนับสนุนเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ,เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเพื่อจะช่วยเหลือผู้อื่นมีให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI ได้เข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนแล้ว 16 นาย ซึ่งทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีหลักประกัน
อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและ DSI ได้รับการประสานให้เข้าไปตรวจสอบบ้านพักอดีตกงสุลนาอูรู ซึ่งถูกใช้เป็นแหล่งซ่องสุมของชาวจีนที่มี่ส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย แต่เมื่อมีการตรวจค้นพบผู้ต้องหาแล้ว กลับมีการเรียกรับผลประโยชน์เพื่อแลกกับการปล่อยตัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ จึงได้สั่งการให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐและบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด หลังจากนี้จะทำการขยายผลจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้ต้องหาที่หลบหนี นำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป