ปมดีเอสไอสอบเอกชนทิ้งงานโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ น้ำปี้ 1,650 ล. หลังเบิก 505 ล. กรมชลฯแจง 'อิศรา'ไล่ทวง 200 ล.ในส่วนจ่ายล่วงหน้าให้ผู้รับเหมา แบ่งเป็นเงินล่วงหน้าตามระเบียบฯ 15 % บวกค่างานทำได้จริงอีก 7 งวด 300 ล้าน หักได้แล้ว 40 ล. สถานะตอนนี้ยกเลิกสัญญา
สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ กรณีเอกชนทำสัญญากับกรมชลประทานในรับจ้างก่อสร้างงานชลประทานหลายโครงการทั่วประเทศ มีพฤติการณ์ในการเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางค่อนข้างมาก และไม่สามารถดำเนินงานได้ตามสัญญา โดยมีข้อมูลระบุว่าโครงการดังกล่าวคือ โครงการก่อสร้างเขื่อนหัวนาและอาคารประกอบอื่นในโครงการอ่างเก็บน้ำ น้ำปี้ จ.พะเยา อันเนื่องมาจากพระราชดำริ กำหนดราคากลางที่ 2,589 ล้านบาท เอกชนรายนี้เสนอราคาที่ 1,650 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 939 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 57 ของราคากลาง หลังจากทำสัญญากับหน่วยงานและได้รับการเบิกจ่ายเงินตามสัญญาประมาณ 505 ล้านบาท เมื่อสิ้นสุดสัญญากลับดำเนินงานก่อสร้างได้เพียงร้อยละ 20 และทิ้งงานในที่สุด อันเป็นเหตุให้รัฐเกิดความเสียหาย
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการติดต่อชี้แจงจากนายชูชาติ รักจิตร รองอธิบดีฝ่ายก่อสร้าง กรมชลประทาน ถึงการจัดซื้อจัดจ้างโครงการอ่างเก็บน้ำน้ำปี้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดพะเยา จัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) กำหนดราคากลาง 2,589.8 ล้านบาท วงเงินงบประมาณ 2,600 ล้าน บาท เอกชนผู้ชนะเสนอราคา 1,650 ล้านบาท
โดยรองอธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า การเบิกจ่ายเงินจำนวน 505 ล้านบาท เป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามกฎหมายระเบียบของทางราชการว่าด้วยการเบิกจ่ายล่วงหน้า อนุญาตให้เบิกจ่ายได้ 15 เปอร์เซ็นต์ของวงเงินสัญญาทั้งหมดที่มีมูลค่า 1,650 ล้านบาท ซึ่งเท่ากับ 247 ล้านบาท โดยราชการอนุมัติให้จ่ายเงินล่วงหน้าแก่เอกชนได้ เพื่อนำเงินไปซื้ออุปกรณ์ไปทำงานในงวดถัดๆไป ส่วนเงินอีก 300 กว่าล้านบาทที่เหลือ เป็นส่วนที่จ่ายให้แก่บริษัทผู้รับจ้างในส่วนที่เขาสามารถทำงานได้ตั้งแต่งวดที่ 1-7 โดยทำงานไปได้ 20 เปอร์เซ็นต์ จากสองก้อนรวมกัน
นายชูชาติกล่าวต่อไปว่าในปัจจุบันนั้น กรมชลประทานได้ ยกเลิกสัญญากับบริษัทผู้รับจ้างแห่งนี้ไปนานแล้ว ซึ่งกระบวนการกำลังอยู่ในขั้นตอนของกรมบัญชีกลาง
"ไม่ได้หมายความว่ามันฟาวล์ไปโดยที่ราชการไม่ได้อะไร อันนี้ไม่ใช่ คือมันเป็นการจ่ายที่มันถูกต้องตามระเบียบอยู่แล้ว สองก็คือในส่วนของค่าใช้จ่ายล่วงหน้า ตอนนี้กรมชลประทานก็มีหนังสือไปเรียกร้องตรงนี้คืนอยู่แล้ว คือเรามีหนังสือค้ำประกันที่ธนาคารเอามาตั้งไว้ที่กรมชลประทาน เราก็ยึดหลักค้ำประกัน" นายชูชาติกล่าวและกล่าวต่อไปตอนนี้เงินในส่วน 247 ล้านที่มีการเบิกล่วงหน้านั้นตอนนี้กรมชลประทานก็มีการหักเงินคืนมาได้แล้ว 40 กว่าล้านบาท และที่เหลือก็คงต้องไปดึงเรียกเงินเอากับหนังสือค้ำประกันของธนาคารต่อไป