'วิษณุ' เผย 'นายกฯ' เซ็นคำสั่งให้อธิบดีอุทยานเข้าทำเนียบเพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสอบสวน ย้ำสื่อไม่ใช่การย้ายแค่เอาออกมาก่อน ส่วนเรื่องดำเนินการทางวินัยต้องรอความผิดชัดเจนก่อน แต่ตอนนี้เหมือนว่าลงโทษไป 50% แล้ว-ขณะเจ้าตัวแจงถูกชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแก่งกระจานกลั่นแกล้ง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 12.20 น.วันที่ 28 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ(บก.ปปป.) จับกุม นายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ฐานเรียกรับเงินจากการโยกย้ายตำแหน่ง โดยขั้นตอนจากนี้จะเป็นอย่างไร ว่า เมื่อมีการแจ้งเบาะแส ป.ป.ช. และ ป.ป.ช. รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามกรทุจริตในภาครัฐ(ปปท.) และศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) และมีการไปจับกุม ซึ่งขณะนั้นถือว่าหลักฐานยังไม่ชัดเจน 100% นายกรัฐมนตรี จึงลงนามในคำสั่งให้นำตัวเข้ามาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลในวันนี้ เพื่อดึงออกมาจากการเป็นอธิบดี ตามพระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน มาตรา11 ที่นายกฯมีอำนาจ ไม่ให้อยู่ตรงนั้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำการสอบสวนได้สะดวก โดยเรียบร้อย
“สื่อจะเรียกกันว่าเรียกเข้ากรุก็แล้วแต่ แต่ไม่ใช่การย้าย แต่เป็นการเอาออกมาก่อน ไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่อธิบดี ส่วนการจะปลดออก หรือไล่ออกนั้น ต้องดำเนินการสอบทางวินัย หรือมีความผิดชัดเจน แต่ตอนนี้เอาออกมาก่อน แค่นี้ก็เป็นการลงโทษ 50% แล้ว ส่วนจะย้ายกลับไปหรือไม่ หรือไล่ออกเลยเป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง” นายวิษณุ กล่าว
ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเรื่องดังกล่าว โดยมีนายกุศล โชติรัตน์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นประธาน
ในส่วนของความคืบหน้าทางคดีนั้นมีรายงานว่าเมื่อเวลา 15.45 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบนายรัชฎา ว่านายรัชฎา ยังคงให้การปฏิเสธ อ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถูกกลั่นแกล้ง เหตุเพราะมีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกับ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แต่ทางพนักงานสอบสวนไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากเมื่อพิจารณาจากพยานหลักฐานเกี่ยวกับบทสนทนาระหว่างนายรัชฎา กับ นายชัยวัฒน์ พบว่าเป็นการพูดคุยกันด้วยลักษณะปกติ ไม่มีท่าทีเหมือนกับโกรธหรือขัดแย้งกัน แต่ทั้งนี้ก็เป็นสิทธิ์ของนายรัชฎาที่จะให้การเช่นนั้น เพราะทั้งหมดทั้งมวลเรายึดตามพยานหลักฐานเป็นที่ตั้ง ให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการออกหมายเรียกกลุ่มเจ้าหน้าที่ในสังกัดกรมอุทยานฯที่ปรากฎรายชื่อบนซองเงินที่พบในห้องทำงานของนายรัชฎา นั้น ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างเร่งดำเนินการออกหมายเรียกโดยจะให้แล้วเสร็จส่งไปยังกลุ่มบุคคลเหล่านี้ก่อนปีใหม่ เพื่อที่หลังปีใหม่จะได้ทยอยมาเข้าให้ปากคำ และ เริ่มขั้นตอนของการสอบปากคำพยานบุคคลต่างๆประกอบสำนวน