กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่สอบปมรุกป่าที่ดินลำน้ำสาธารณะ ในพื้นที่ อ.บ่อเกลือ จ.น่าน พบไม่มีเอกสารสิทธิ์ แบ่งพื้นที่ให้เช่าสร้างรีสอร์ท 2 แห่ง เสี่ยงหน้าดินพังทลายในช่วงน้ำหลาก ประชุมหารือบูรณาการหน่วยงาน ได้ข้อสรุป 5 ประเด็น รวบรวมพยานหลักฐานครบ เข้าเงื่อนไขรับเป็นคดีพิเศษตามอำนาจหน้าที่ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2565 เวลา 14.00 น. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มอบหมายให้ ร้อยตำรวจเอก ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ สั่งการให้ นายวรพจน์ ไม้หอม รักษาราชการแทนผู้อำนวยการกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 บูรณาการร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5 (ปปท.เขต 5) สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดน่าน ฝ่ายปกครองอำเภอบ่อเกลือ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่13 สำนักงานที่ดินจังหวัดน่าน เจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดน่าน (กอ.รมน.จว.น่าน) เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรบ่อเกลือ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาแพร่ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงพญา และเครือข่ายภาคประชาชนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI Station Nan) ลงพื้นที่บ้านสว้าเหนือ หมู่ที่ 3 ตำบลดงพญา อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน กรณี ประชาชนร้องขอให้ตรวจสอบโดยอ้างว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่มีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ บุกรุกเข้าครอบครองที่ป่า บุกรุกที่สาธารณะและเปลี่ยนแปลงเส้นทางลำน้ำว้า การถมที่ดินริมน้ำ ขยายพื้นที่ทับลำน้ำ หวงกันพื้นที่ริมน้ำไว้เป็นของตนเอง จนทำลายแหล่งพันธุ์ปลา ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิม รวมทั้งปิดทางเดินสาธารณะเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้ประชาชนในพื้นที่เดือดร้อนไม่สามารถใช้ลำน้ำได้อย่างปกติ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ มีการแบ่งพื้นที่ให้เช่าสร้างรีสอร์ท จำนวน 2 แห่ง สร้างโรงเรือนที่พักส่วนตัวและที่พักคนงาน บริเวณก่อสร้างอยู่ใกล้กับฝายชลประทาน ทำให้เสี่ยงต่อการพังทลายในช่วงน้ำหลากอย่างมาก มีการใช้แรงงานต่างด้าวขนหินมาสร้างเนินดิน เพื่อเจตนาให้เป็นที่งอกมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเส้นทางลำน้ำว้า ที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาแพร่ นอกจากนี้ ได้มีประชาชนในพื้นที่และผู้ครอบครองพื้นที่เดิม เข้าให้ข้อมูลประกอบพยานหลักฐานยืนยันแนวเขตว่ามีการล่วงล้ำลำน้ำ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 และยังพบว่าที่ดินบริเวณดังกล่าวไม่มีเอกสารสิทธิ์ จึงอาจจะเป็นพื้นที่ป่า ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 อีกด้วย ซึ่งหากผู้ใดบุกรุกอาจจะเป็นความผิดฐานบุกรุกป่า การก่อสร้างโรงเรือน และการประกอบกิจการโรงแรมไม่พบว่ามีการขออนุญาตตามกฎหมาย
อนึ่ง กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ประชุมหารือพร้อมร่วมบูรณาการเพื่อเข้าตรวจสอบพื้นที่ร่วมกับหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และได้ข้อสรุปดังนี้ 1) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ พิจารณาตรวจสอบโดยละเอียดและ จะดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ 2) องค์การบริหารส่วนตำบลดงพญา รับผิดชอบเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาคาร 3) ฝ่ายปกครองอำเภอบ่อเกลือ รับผิดชอบตรวจสอบการขออนุญาตประกอบกิจการโรงแรม 4) สถานีตำรวจภูธร บ่อเกลือ รับผิดชอบตรวจสอบเรื่องการนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาในพื้นที่ 5) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐเขตพื้นที่ 5 (ป.ป.ท.เขต 5) รับคำร้องทุกข์จากประชาชนในพื้นที่พร้อมตรวจสอบและกำกับให้คำปรึกษากับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ สำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. 2484 เป็นความผิดตามบัญชีท้ายประกาศ กคพ. (ฉบับที่ 8 พ.ศ. 2565 เรื่องกำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษเขตพื้นที่ 5 ดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานหากเข้าเงื่อนไขที่เป็นคดีพิเศษจะรับไว้สอบสวนเป็นคดีพิเศษดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งเตือนนักลงทุนต่างท้องที่ ให้ระมัดระวังและตรวจสอบการประกอบกิจการในพื้นที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน ว่าอยู่ในเขตที่ป่าหรือที่ห้ามสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจสอบแนวเขตป่าและที่ดินของรัฐเบื้องต้นได้จากช่องทางระบบ DSI MAP ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ