'อนุทิน'วอนคนไทยฉีดวัคซีนโควิดให้ครบ 4 เข็ม ลดป่วยหนัก-ตาย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 สั่งทุก รพ.จัดหน่วยเคลื่อนที่ รองรับปีใหม่ เผยของขวัญปีใหม่ 66 เน้นผู้สูงอายุสุขภาพดี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 12/2565 ว่า ที่ประชุมได้ยืนยันถึงเรื่องคนไทยทุกคนควรได้รับวัคซีนป้องกันโควิด 19 ให้ครบ 4 เข็ม ตามมติจากที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (EOC) กรณีโรคโควิด 19 เนื่องจากมีข้อมูลว่าจะช่วยให้มีความปลอดภัย หากติดเชื้ออาการจะไม่รุนแรงหรือเสียชีวิต
ซึ่งเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายของปี จะมีการท่องเที่ยว มีกิจกรรมการเดินทางจำนวนมาก ผู้ประกอบการต้องรับลูกค้าเพิ่มขึ้น มีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเข้ามา จึงอาจมีความเสี่ยงเกิดการแพร่เชื้อได้
ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้สถานพยาบาลทุกระดับเตรียมความพร้อมให้บริการวัคซีนโควิดแก่ประชาชน รวมถึงจัดหน่วยเคลื่อนที่ไปให้บริการในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกด้วย
"สำหรับกลุ่มที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนเลย ขอให้มาฉีดวัคซีนเช่นกัน เนื่องจากข้อมูลทั่วโลกพบว่า โรคโควิด 19 จะคุกคามผู้ไม่ได้รับวัคซีนได้มากที่สุด ยิ่งเป็นกลุ่ม 608 ยิ่งมีอันตราย เสี่ยงที่จะป่วยหนักและเสียชีวิตได้ แต่หากรับวัคซีนแล้ว โดยเฉพาะเข็ม 4 จะช่วยลดความเสี่ยงตรงนี้ได้อย่างมาก ขณะนี้มีวัคซีนพียงพอ สถานพยาบาลมีความพร้อมดูแล ส่วนผู้ประสงค์รับมากกว่า 4 เข็ม เนื่องจากมีความเสี่ยง เช่น ต้องเดินทางไปประเทศที่สุ่มเสี่ยง ต้องพบปะผู้คนจำนวนมากตลอดเวลา ให้บริการสาธารณะ ขนส่ง ต้องดูแลลูกค้า เป็นต้น ก็สามารถแจ้งความต้องการได้" นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึงช่วงสิ้นปีมีกิจกรรมต่างๆ มากมายเกิดขึ้น กังวลจะเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อมากขึ้นหรือไม่ และจะมีมาตรการเพิ่มอย่างไรหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า จึงรณรงค์ให้มารับวัคซีน หากมัวแต่กังวลก็คงทำอะไรไม่ได้ เราปิดประเทศไม่ได้แล้ว สิ่งที่ต้องทำคือหุ้มเกราะให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เวลาเราใส่เสื้อเกราะโดนทุบตีก็มีเจ็บบ้างแต่ไม่ตาย หลักเดียวกัน จึงพยายามรณรงค์ให้มาฉีดวัคซีน
นายอนุทิน กล่าวถึงเรื่องของขวัญปีใหม่ 2566 ว่า จะเน้นการดูแลผู้สูงอายุ เพราะประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุเต็มรูปแบบ ต้องมีการเตรียมการต่างๆในการดูแลผู้สูงอายุอย่างเต็มที่ และมีการวางนโยบายให้กองยุทธศาสตร์และแผนงาน (กยผ.) เร่งทำการศึกษาและวางแผนวางยุทธศาสตร์ วิธีการต่างๆ ในการรองรับสังคมผู้สูงอายุที่จะเกิดขึ้น ให้พวกเขาสุขภาพดี ดูแลตัวเองได้ ไม่ใช่อายุยืนยันเพราะสรรพคุณยา แต่ต้องมีคุณภาพจากการดูแลตัวเองได้ โดยได้มอบหน่วยงานเกี่ยวข้องดำเนินการเรื่องนี้ ส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุ ไม่ใช่ผู้ป่วยติดเตียง นี่คือแผนยุทธศาสตร์ที่กระทรวงสาธารณสุขจะขับเคลื่อนต่อไป
นอกจากนี้ ยังพัฒนาแนวทาง 3 หมอ คือ หมอ อสม. หมอ รพ.สต. และหมอครอบครัว ต้องสอดคล้องประสานงานอย่างเต็มที่ ใช้เทคโนโลยีทั้งหมดที่มีอยู่ โดยเฉพาะเทคโนโลยีการสื่อสาร เพื่อลดภาระความแออัดการบริการสุขภาพ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของแพทย์ในการดูแลผู้ป่วยยิ่งขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าของขวัญปีใหม่จะมีแค่ผู้สูงอายุเรื่องเดียวหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มันเป็นสัญลักษณ์ ของขวัญมีทุกวันอยู่แล้ว เป็นสัญลักษณ์ที่รัฐบาลให้ทุกกระทรวงนำเสนอ ซึ่งส่วนของกระทรวงสาธารณสุขการนำเรื่องผู้สูงอายุขึ้นมา เพราะเราจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ แต่ขณะเดียวกันเราไม่ได้ดูแลผู้สูงอายุอย่างเดียว หากเราดูแลอย่างดีก็จะไม่เป็นภาระของลูกหลาน ไม่เป็นภาระงบประมาณ ประเทศเราหนีสังคมสูงอายุไม่พ้น จึงต้องเตรียมความพร้อมเรื่องนี้ จริงๆ เราดูทุกมิติทั้งหมด เรายังดูโอกาสให้ผู้สูงอายุด้วย ไม่ใช่ว่าเขาทำงานไม่ได้ คอยพึ่งพารับการช่วยเหลืออย่างเดียว แบบนี้จะก่อปัญหาสังคม จะทำให้ลูกหลานห่วงอีก จึงต้องเตรียมพร้อมทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังมีของขวัญปีใหม่ของบุคลากรสาธารณสุขด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ท่านปลัดสธ.กำลังดูแลอยู่ ทำงานอย่าไปหวังผลตอบแทน หากเป็นลูกจ้างบริษัท ห้างร้านสิ่งที่ต้องมีคือ เงินเดือน ส่วนระบบราชการ ความมั่นคงของระบบอย่างน้อยไม่ตกงานแน่นอน ไม่ว่ามีวิกฤตอะไรก็ตาม เพราะเป็นข้าราชการลูกจ้างของรัฐ ยังมีการเพิ่มขั้น ขยับปรับตำแหน่ง เพิ่มเงินเดือน ส่วนเรื่องผลตอบแทนนอกเหนือจากนี้ขึ้นกับสถานการณ์ เรามีภารกิจหลักของเราอยู่แล้ว เป็นราชการก็ทำงานให้บ้านเมือง รับใช้ประชาชน เพราะหากยึดผลตอบแทน รายได้เป็นหลักคงไม่มารับราชการ เราต้องทำหน้าที่หลักอย่างเต็มที่
“ท่านปลัดสธ.เข้ารับตำแหน่งแค่ 1 เดือนกว่าๆ เมื่อมีโอกาส ท่านพิจารณาเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว อย่างเงินบำรุงเมื่อมีเพียงพอ มีงบประมาณบริหารจัดการกำหนดเป็นนโยบายได้ ก็ผลักดันทันที โดยมอบให้นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดสธ. ดูแล ทุกวันนี้ทั้งสองท่านเจอผมก็พูดเรื่องนี้ สิ่งสำคัญเรื่องนี้ไม่มีข้อแลกเปลี่ยน” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนันบสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ในส่วนของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เรื่องค่าป่วยการขณะนี้ยังเป็น 1,000 บาทต่อเดือน มีการของบประมาณกลาง เพื่อขอเพิ่มให้อสม.เป็น 1,500 บาทต่อเดือนในปี 2566 ซึ่งภาระงาน อสม.ก็เพิ่มขึ้น ขณะอยู่ระหว่างดำเนินการ