สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สหประชาชาติ เรียกร้องทางการจีนอดทนไม่สลายการประท้วงผู้ชุมนุมต้านมาตรการโควิด ชี้ชัดประชาชนจีนไม่พอใจกลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานสถานการณ์การประท้วงในประเทศจีนว่า สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเยอรมนี รวมไปถึงอีกหลายประเทศได้ออกมาแสดงจุดยืนการสนับผู้ประท้วงในประเทศจีนที่เรียกร้องประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพ หลังจากที่ต้องตกอยู่ภายใต้การจำกัดการเคลื่อนไหวอันเนื่องมาจากการควบคุมโควิด-19 ภายใต้กลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์ที่ประเทศจีนได้มีการบังคับใช้มายาวนานหลายปี ขณะที่สหประชาชาติได้ออกมาเรียกร้องให้ทางการจีนนั้นยึดหลักสิทธิมนุษยชนเป็นสำคัญ และไม่ดำเนินการสลายการชุมนุมกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งพบว่าตอนนี้มีผู้ประท้วงเป็นจำนวนมหาศาลได้ลงไปประท้วงบนถนนเพื่อต่อต้านระบบการปกครองของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้ว
โดยนายเจเรมี ลอเรนซ์ โฆษกสํานักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวผ่านแถลงการณ์เมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่าไม่ควรมีใครถูกทุบตีหรือถูกจับกุมเพราะแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในภูมิภาคซินเจียงของประเทศจีน นำไปสู่การเสียชีวิตและบาดเจ็บอันน่าเศร้าสลด ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของภูมิภาคนั้นอยู่ภายใต้การล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นมาตั้งแต่เดือน ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว ดังนั้นเราจึงเน้นย้ำว่าจะต้องมีการตอบสนองอย่างโปร่งใสต่อข้อกังวลของสาธารณชน และเพื่อจะเรียนรู้บทเรียนจากโศกนาฏกรรมในครั้งนี้
ขณะที่สหภาพกระจายเสียงแห่งยุโรป (EBU) ประณามความไม่สงบที่มีความ "ผันผวน" และการปราบปรามผู้ประท้วงชาวจีน ซึ่งทำให้สื่อมวลชนถูกทำร้ายไปด้วย
“EBU ประณามต่อการข่มขู่และการคุกคามต่อผู้สื่อข่าวและทีมข่าวซึ่งเป็นสมาชิกของ EBU ที่ทำงานในประเทศจีน” แถลงการณ์ EBU ระบุ
อนึ่ง EBU ได้มีแถลงการณ์ออกมาหลังจากที่ปรากฎรายงานข่าวว่า นายเอ็ด ลอเรนซ์ หนึ่งในทีมผู้สื่อข่าวของ BBC ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจของจีนจับกุมตัวและใส่กุญแจมือ รวมถึงทุบตีทำร้ายร่างกาย หลังพยายามรายงานเหตุประท้วงมาตรการรับมือโควิดของทางการจีนในนครเซี่ยงไฮ้
ส่วนนายจอห์น เคอร์บี้โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯได้กล่าวในแถลงการณ์ว่าวอชิงตันสนับสนุนสิทธิของประชาชนจีนในการประท้วงอย่างสงบเพื่อแสดงความไม่พอใจต่อระบอบการปกครอง
“เราพูดมานานแล้วว่าทุกคนมีสิทธิที่จะประท้วงอย่างสงบทั้งในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสาธารณรัฐประชาชนจีน” โฆษกกล่าวและกล่าวต่อว่า “เราคิดว่าเป็นเรื่องยากมากสำหรับประเทศจีนที่จะยังคงควบคุมไวรัสโควิด-19 ต่อไป โดยใช้กลยุทธ์โควิดเป็นศูนย์” แถลงการณ์ระบุ
ขณะที่นายเจมส์ เคลฟเวอร์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษกล่าวว่ารัฐบาลจีนนั้นควรจะรับทราบและรับรู้การประท้วงดังกล่าว เพราะการประท้วงในประเทศจีนนั้นเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ยาก แต่เมื่อเกิดขึ้น ทั่วโลกก็ควรจะสังเกตการณ์อย่างใกล้คิด
“แต่ผมคิดว่ารัฐบาลจีนนั้นควรจะรับรู้ว่าประชาชนจีนนั้นมีความไม่พอใจอย่างถึงที่สุดเกี่ยวกับมาตรการการจำกัดต่างๆที่มีการบังคับใช้กับพวกเขา” นายเคลฟเวอร์ลีกล่าว